“ผู้บัญชาการทหารบก” เผยลงปัตตานีดูจุดบกพร่องหลังเฝ้าระวังเต็มที่แต่ยังบึ้มได้ รับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกคนต้องตื่นตัว วอนร่วมตำหนิโจร ลั่นบ้านเมืองแบ่งแยกไม่ได้ - เมินเขมรปรี๊ดอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานภูมะเขือ อ้างเขตใครเขตมัน
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก เมื่อเวลา 07.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนจะเดินทางไปค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ปัตตานี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า การทำงานในภาคใต้จะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น และการเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อไปย้ำเตือน พร้อมทั้งดูว่ามีจุดบกพร่องอย่างไร ซึ่งต้องเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ในเมือง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหารได้เข้าไปช่วยกันดูแล มีมาตรการเฝ้าระวัง จุดสกัด ตรวจค้นทุกอย่างมีแผนครบ แต่ฝ่ายผู้ก่อเหตุยังปฏิบัติการได้อยู่ ต้องไปดูว่ายังมีจุดล่อแหลมตรงไหนที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม
“ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่าย พื้นที่มีถนน เส้นทางมากๆ มีคนสัญจรไปมาเป็นปกติ และไม่ได้เป็นที่จำกัดความเคลื่อนไหว มีรถจอดเป็นพันคัน มีอยู่อย่างเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้ คือ ทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวัง รถคันใดที่ไม่มีเจ้าของ จอดค้างคืน ทุกคนต้องตื่นตัว เจ้าหน้าที่ก็เช่นเดียวกันก็ต้องตื่นตัว ซึ่งในเขตเมืองทางผู้ว่าฯ จะเป็นผู้ดูแลโดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักทหารจะอยู่รอบนอก ทั้ง 2 ส่วนต้องทำงานเกื้อกูลกัน ผมจะไปสอบถามว่ามีจุดบกพร่องตรงไหนที่ยังเป็นช่องว่างอยู่ และต้องเข้าใจว่าเป็นเกมการต่อสู้ จะต้องมีเพลี่ยงพล้ำ ชนะ-พ่ายแพ้” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นผลเสียก็จะตกอยู่ที่ประชาชนเพราะฉะนั้นก็ต้องตำหนิผู้ก่อเหตุ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนคนเหล่านี้แย่ ไม่ได้คำนึงถึงคนบริสุทธิ์อื่นๆ เลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตามเขาพยายามจะสร้างปัญหา สร้างพื้นที่ข่าวให้มากที่สุด ก็ไม่อยากให้เครดิตมากนักก็แก้กันไป ที่ผ่านมาเราก็จับแกนนำได้จึงเป็นเหตุเป็นผลที่ต้องสู้กัน และไม่ใช่สถานการณ์ปกติ สู้กันทุกวัน พลาดก็บาดเจ็บล้มตาย ทั้งนี้ ตนกังวลทุกเหตุการณ์ไม่ใช่เฉพาะแต่เหตุการณ์ที่เกิดในตัวเมือง เพราะสถานการณ์ไม่ปกติจะเกิดที่ไหนก็มีปัญหาทั้งนั้น ตนเคยบอกว่าคนตายคนเจ็บ บ้านเมืองแบ่งแยกไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้เราไม่สามารถห้ามคนออกจากบ้านหรือสัญจรไปมาเวลานอกราชการได้ แต่ก็จะพยายามต้องไปดูว่าจะรับผิดชอบกันอย่างไรให้ดีและปลอดภัยประชาชนก็ต้องระวังตัวเอง เวลาไหนที่ไม่ควรออกนอกบ้านเวลาที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง ทุกคนรู้หมดแต่ก็ไม่ระวัง คิดเพียงแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่คอยระวังอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีทุกจุดซอกซอย ทุกคนต้องช่วยกันทั้งทหาร เจ้าหน้าที่ ประชาชน ตำรวจฝ่ายพลเรือนและอีก 20 กระทรวงที่ต้องแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงกลาโหมอย่างเดียว ส่วนการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวานนี้ เป็นการประชุมแผนนโยบายความมั่นคงในภาคใต้แรงงาน ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล โดยใช้แนวทางปี 2554 มาปรับปรุงในเพื่อใช้ในปี 2555 ทั้งนี้เราก็ต้องปรับแผน กฎหมาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีไปเรื่อยๆ เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้น
“เป้าหมายในการก่อเหตุมีเป็นร้อยเป้าต่อ 1 วัน ที่ทุกคนต้องไปดูแลกันแล้วจะรอดสักเป้าหมายหรือไม่ แต่ถ้าทำได้ 100% ก็ไม่มีเรื่องหากหลุดรอดไม่อยู่ในกรอบ ในแผน ก็จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนว่าต้องทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยและลดเป้าหมายให้เจ้าหน้าที่ถือเป็นภารกิจเชิงลับ มีคนสัญจรทุกวัน ก็เป็นเป้าล่อทุกวัน” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์กรณีที่ทางกัมพูชาไม่พอใจที่ไทยประดิษฐานพระพุทธรูปบนภูมะเขือว่า ทหารพยายามทำหน้าที่ดูแลตามเส้นเขตแดนที่มีอยู่ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็สั่งการมาชัดเจน ในส่วนของรัฐบาลก็ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวสำหรับกรณีที่เรื่องพระ เป็นเขตเรา สร้างไว้นานแล้วจะไปทำพิธีให้ขลังขึ้นต่างฝ่ายมีเส้นเขตแดนของตัวเองอยู่แล้ว เราทำในเขตเรากัมพูชาก็ทำในเขตของเขาก็อย่าไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
