บุรีรัมย์ - เจ้าของลานมันโกงเงินจำนำมันฯ เกษตรกรบุรีรัมย์-โคราชร่วม 100 ราย กว่า 13 ล้านโผล่เข้ามอบตัวตำรวจ ตัวแทนเกษตรกรผู้เสียหายเข้าร้องคัดค้านประกันตัวหวั่นหลบหนี ชี้ฉ้อโกงเป็นขบวนการ ระบุภายใน 1 สัปดาห์หากไม่คืบหน้าไร้การช่วยเหลือ หรือเกษตรกรไม่ได้รับเงินคืนจากกลุ่มฉ้อโกงเตรียมบุกร้อง “นายกฯ นางโพย”
วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ และ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับความเดือดร้อน
หลังถูกกลุ่มบุคคลเปิดลานมัน “พลายพาโชค” ที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา หลอกลวงแอบอ้างโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาลและรับซื้อมันสำปะหลังของเกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ และ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ร่วม 100 ราย เบี้ยวไม่จ่ายเงินและออกใบประทวนให้เกษตรกรตามที่กล่าวอ้าง สูญเงินกว่า 13 ล้านบาท ซึ่งเกษตรกรผู้เสียหายได้รวมตัวเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือต่อกรรมาธิการการเกษตรสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ท้องที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลเกษตรกรทราบว่า มีการดำเนินการกันเป็นขบวนการ มีกลุ่มบุคคลไม่น้อยกว่า 4-5 คน ที่ได้ร่วมกันแอบอ้างชื่อโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาล และเปิดลานมันรับซื้อมันในราคาที่สูงจูงใจจนเกษตรกรหลงเชื่อ จากนั้นได้ฉ้อโกงนำมันไปจำนำและขายให้ลานมันและโรงแป้งที่เข้าร่วมโครงการใน จ.นครราชสีมา ก่อนเชิดเงินหลบหนี
ขณะที่ ล่าสุด นางสันตนา เสภา เจ้าของลานมันพลายพาโชค ผู้ต้องหาหนึ่งในขบวนการฉ้อโกงดังกล่าว ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ท้องที่เกิดเหตุแล้ว และหลังตัวแทนเกษตรกรทราบข่าวได้เดินทางไปร้องคัดค้านไม่ให้มีการประกันตัวผู้ต้องหาเพราะเกรงว่าจะหลบหนี
พร้อมยังเรียกร้องให้ติดตามจับตัวเพื่อนที่ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดีโดยเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง รวมทั้งให้รัฐบังคับคดียึดทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อนำเงินมาใช้คืนให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายด้วย เพราะกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้มีการฉ้อโกงซ้ำเติมเกษตรกรที่มีฐานะยากจนอยู่แล้ว
ด้าน นายบวรศักดิ์ สิงห์เชิดชูวงศ์ ผู้ช่วยและรักษาการพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวหลังการเข้าสอบข้อเท็จจริงและรับทราบข้อมูลจากเกษตรกรว่า การดำเนินคดีให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ส่วนจะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำให้โครงการของรัฐเสียหายนั้น ต้องมีการสอบสวนกันอีกครั้งหนึ่งว่าได้ใช้ชื่อโครงการฯ ในการหลอกลวงจริงตามที่เกษตรกรกล่าวอ้างหรือไม่ แต่หากสอบแล้วพบว่ามีพฤติกรรมอ้างชื่อโครงการฯ จริง ก็จะต้องแจ้งความเอาผิดเช่นกัน
ด้าน นางวรรณวิษา ทองเรือง ตัวแทนเกษตรกรที่เดือดร้อน อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นเกษตรกรผู้เสียหายได้พากันเดินทางเข้าไปร้องคัดค้านการประกันตัวหนึ่งในผู้ต้องหาที่ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเกรงจะหลบหนี อีกทั้งต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และหากภายใน 1 สัปดาห์ยังไม่มีความคืบหน้า หรือเกษตรกรไม่ได้รับเงินคืนจากกลุ่มที่ฉ้อโกง ก็จะรวมตัวกันเดินทางเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะเกษตรกรบางคนต้องสูญเงินและหมดตัวมีหนี้สินจากการกู้เงินมาลงทุนปลูกมันสำปะหลัง
