บุรีรัมย์ - เกษตรกร 2 ตำบลที่บุรีรัมย์ร่วม 100 คน บุกร้องขอความช่วยเหลือ อบต.หลังนำมันไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำยังลานมันที่อ้างเป็นสาขาของโรงแป้ง ผ่านไป 3 เดือนจนสิ้นสุดโครงการฯ กลับไม่ได้ใบประทวนไปขึ้นเงินกับ ธ.ก.ส.รวมกว่า 13 ล้าน เชื่อถูกโกง พร้อมขู่หากไม่ได้รับเงินจะรวมตัวบุกทำเนียบฯ
วันนี้ (6 ก.ค.) เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง 2 ตำบล มี ต.โคกมะม่วง และ ต.หนองบัว อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ร่วม 100 คน ได้นำหลักฐานใบชั่งน้ำหนักที่ทางลานมันออกให้ พร้อมสำเนาใบแจ้งความมารวมตัวกันที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลโคกมะม่วง อ.ปะคำ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกมะม่วง หลังเกษตรกรได้นำผลผลิตมันสำปะหลังไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำหรือแทรกแซงตลาดมันสะปะหลัง ของลานมัน “พลายพาโชค” ตั้งอยู่ ต.กุดโบสถ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์
เนื่องจากลานมันดังกล่าวอ้างว่าเป็นสาขาที่มาเปิดรับจำนำมันเพื่อส่งให้โรงแป้งแห่งหนึ่ง โดยให้ราคากิโลกรัมละ 2.70-2.80 บาทตามโครงการฯ อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลารอคิว และยังหักสิ่งเจือปนน้อย หรือบางรายก็ไม่ถูกหักเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งเลย ซึ่งช่วงแรกเกษตรกรที่นำมันไปเข้าร่วมโครงการฯ ก็ได้รับใบประทวนเพื่อนำไปเป็นหลักฐานกู้เงินกับ ธ.ก.ส.เหมือนกับลานมันอื่นที่เข้าร่วมโครงการฯ จึงทำให้เกษตรกรเชื่อใจ
แต่พอระยะหลังตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา เกษตรกรที่นำมันไปจำนำกลับไม่ได้รับใบประทวน มีเพียงใบชั่งน้ำหนักที่ทางลานมันออกให้เท่านั้น พร้อมอ้างว่าจะออกให้ในภายหลัง จนเวลาผ่านไปนานเกือบ 3 เดือน
จนขณะนี้ได้สิ้นสุดโครงการแล้ว เกษตรกรกลับไม่ได้รับใบประทวน ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เมื่อไปสอบถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง ทั้งยังทำทีว่าจะสำรองเงินสดจ่ายให้เกษตรกรก่อนรายละ 20,000-50,000 บาท ทั้งที่ยอดเงินจริงที่เกษตรกรนำผลผลิตไปจำนำที่จะได้รับเฉลี่ยรายละ 100,000-500,000 บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้นที่เกษตรกรยังไม่ได้รับกว่า 13 ล้านบาท เกษตรกรจึงได้มารวมตัวกันร้องขอความช่วยเหลือจากทาง อบต.ดังกล่าว
ด้านนางวรรณวิษา ทองเรือง อายุ 41 ปี หนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน บอกว่า ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว ค่าจ้างคนงาน และซื้อท่อนพันธุ์ที่จะเริ่มปลูกในฤดูกาลผลิตใหม่จนบางรายต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายก่อน จากกรณีที่เกิดขึ้นเกษตรกรเชื่อว่าน่าจะถูกลานมันดังกล่าวโกง ประกอบกับเมื่อตรวจสอบไปภายหลังพบว่าลานมันดังกล่าวไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
จึงได้ทยอยเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ไว้เป็นหลักฐานแล้ว อย่างไรก็ตาม หากทางอำเภอ จังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนได้ ก็จะรวมตัวกันเข้าไปร้องขอช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะโครงการฯ ดังกล่าวถือเป็นนโยบายของรัฐบาล
ขณะที่ ด.ต.ชิงชัย อินทรพรม นายก อบต.โคกมะม่วง ได้กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงและพูดคุยกับเกษตรกรที่มาร้องเรียนว่า หลังรับเรื่องร้องจากเกษตรกรแล้วก็จะนำเรื่องเสนอทางอำเภอ จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นก็ได้ประสานไปยังลานมันดังกล่าวแล้ว ทางลานมันก็รับปากว่าจะดำเนินการจ่ายเงินแก่เกษตรกรที่เดือดร้อนให้ครบทั้งหมดภายในวันที่ 7-8 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ แต่หากทางลานมันไม่ดำเนินการตามที่รับปาก ก็จะต้องดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนต่อไป ล่าสุดเกษตรกรพอใจจึงได้สลายเดินทางกลับในเวลาต่อมา
วันนี้ (6 ก.ค.) เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง 2 ตำบล มี ต.โคกมะม่วง และ ต.หนองบัว อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ร่วม 100 คน ได้นำหลักฐานใบชั่งน้ำหนักที่ทางลานมันออกให้ พร้อมสำเนาใบแจ้งความมารวมตัวกันที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลโคกมะม่วง อ.ปะคำ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกมะม่วง หลังเกษตรกรได้นำผลผลิตมันสำปะหลังไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำหรือแทรกแซงตลาดมันสะปะหลัง ของลานมัน “พลายพาโชค” ตั้งอยู่ ต.กุดโบสถ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์
เนื่องจากลานมันดังกล่าวอ้างว่าเป็นสาขาที่มาเปิดรับจำนำมันเพื่อส่งให้โรงแป้งแห่งหนึ่ง โดยให้ราคากิโลกรัมละ 2.70-2.80 บาทตามโครงการฯ อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลารอคิว และยังหักสิ่งเจือปนน้อย หรือบางรายก็ไม่ถูกหักเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งเลย ซึ่งช่วงแรกเกษตรกรที่นำมันไปเข้าร่วมโครงการฯ ก็ได้รับใบประทวนเพื่อนำไปเป็นหลักฐานกู้เงินกับ ธ.ก.ส.เหมือนกับลานมันอื่นที่เข้าร่วมโครงการฯ จึงทำให้เกษตรกรเชื่อใจ
แต่พอระยะหลังตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา เกษตรกรที่นำมันไปจำนำกลับไม่ได้รับใบประทวน มีเพียงใบชั่งน้ำหนักที่ทางลานมันออกให้เท่านั้น พร้อมอ้างว่าจะออกให้ในภายหลัง จนเวลาผ่านไปนานเกือบ 3 เดือน
จนขณะนี้ได้สิ้นสุดโครงการแล้ว เกษตรกรกลับไม่ได้รับใบประทวน ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เมื่อไปสอบถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง ทั้งยังทำทีว่าจะสำรองเงินสดจ่ายให้เกษตรกรก่อนรายละ 20,000-50,000 บาท ทั้งที่ยอดเงินจริงที่เกษตรกรนำผลผลิตไปจำนำที่จะได้รับเฉลี่ยรายละ 100,000-500,000 บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้นที่เกษตรกรยังไม่ได้รับกว่า 13 ล้านบาท เกษตรกรจึงได้มารวมตัวกันร้องขอความช่วยเหลือจากทาง อบต.ดังกล่าว
ด้านนางวรรณวิษา ทองเรือง อายุ 41 ปี หนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน บอกว่า ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว ค่าจ้างคนงาน และซื้อท่อนพันธุ์ที่จะเริ่มปลูกในฤดูกาลผลิตใหม่จนบางรายต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายก่อน จากกรณีที่เกิดขึ้นเกษตรกรเชื่อว่าน่าจะถูกลานมันดังกล่าวโกง ประกอบกับเมื่อตรวจสอบไปภายหลังพบว่าลานมันดังกล่าวไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
จึงได้ทยอยเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ไว้เป็นหลักฐานแล้ว อย่างไรก็ตาม หากทางอำเภอ จังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนได้ ก็จะรวมตัวกันเข้าไปร้องขอช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะโครงการฯ ดังกล่าวถือเป็นนโยบายของรัฐบาล
ขณะที่ ด.ต.ชิงชัย อินทรพรม นายก อบต.โคกมะม่วง ได้กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงและพูดคุยกับเกษตรกรที่มาร้องเรียนว่า หลังรับเรื่องร้องจากเกษตรกรแล้วก็จะนำเรื่องเสนอทางอำเภอ จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นก็ได้ประสานไปยังลานมันดังกล่าวแล้ว ทางลานมันก็รับปากว่าจะดำเนินการจ่ายเงินแก่เกษตรกรที่เดือดร้อนให้ครบทั้งหมดภายในวันที่ 7-8 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ แต่หากทางลานมันไม่ดำเนินการตามที่รับปาก ก็จะต้องดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนต่อไป ล่าสุดเกษตรกรพอใจจึงได้สลายเดินทางกลับในเวลาต่อมา