ระยอง-กลุ่มสมัชชาสุขภาพจังหวัดระยอง จับมือมูลนิธิภูมิปัญญาสากล และองค์การบริหารส่วนตำบล ฉีดเอนไซม์สลายก้อนเมฆทำลายมลพิษ ผลิตโอโซนให้ประชาชน หลังพบผู้ป่วยมีสารพิษตกค้างเพิ่มขึ้น
วันนี้ (10 ก.ค.) ดร.วัฒนา บรรเทิงสุข อายุ 62 ปี ผู้จัดการสมัชชาสุขภาพจังหวัดระยอง และ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ ประธานมูลนิธิภูมิปัญญาสากล และแพทย์ทางเลือก นายสุจินต์ สุขเกิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และสมาชิกกลุ่มสมัชชาสุขภาพจังหวัดระยอง ได้เดินทางไปยังพื้นบ้านชากบก ต.ชากบก อ.บ้านค่าย พร้อมด้วยรถดับเพลิงบรรทุกน้ำเอนไซม์ ที่มูลนิธิภูมิปัญญาสากล ได้นำมาเป็นส่วนผสมกับน้ำเพื่อทำการฉีดขึ้นไปบนชั้นอากาศ ที่มีก้อนเมฆพัดผ่าน โดยตั้งเป็นแนว 45 องศา
เบื้องต้นหวังผลให้เอนไซม์ไปทำปฎิกิริยากับก้อนเมฆ หรือเพื่อยิงประจุไฟฟ้าไปจับกับสารพิษจากก้อนเมฆ ซึ่งจะส่งผลให้ก้อนเมฆรับออกซิเจนจากน้ำที่ผสมสารเอนไซม์ไปคละเคล้ากันแล้วดึงเอาสารพิษตกลงสู่พื้นดินให้ย่อยสลาย โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 7 วันติดต่อกัน เพื่อรอผลการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่ทำการทดลอง และวิจัยในครั้งนี้ด้วย
ดร.วัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้ ชาวบ้านอำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง ล้มป่วยด้วยสารพิษตกค้างในร่างกายจำนวนมาก กลุ่มสมัชชาสุขภาพจังหวัดระยอง จึงได้จับมือกับ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ ประธานมูลนิธิภูมิปัญญาสากล และแพทย์ทางเลือก เพื่อจะทำการวิจัยเรื่องเอนไซม์ที่จะส่งผลดีต่อการทำลายมลพิษในทุกพื้นที่ของประทศไทยที่มีโรงานอุตสาหกรรม มีการประกอบการที่เกิดมลพิษ มลพิษที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ สัตว์ พืชทุกชนิด
ทั้งนี้ ได้เริ่มดำเนินการฉีดสารเอนไซม์นำร่องในเขตอำเภอบ้านค่าย จ.ระยองก่อน ถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ก็จะเรียนให้ผู้เกี่ยวของทราบถึงผลการทดลอง และวิจัยงานชิ้นนี้ และตรงเป้าประสงค์ของสมัชชาสุขภาพจังหวัดระยอง ที่มุ่งในการสร้างสุขภาพกาย ใจให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดระยองต่อไป
ด้าน ดร.รสสุคนธ์ กล่าวว่า การนำสารเอนไซม์ที่ได้จากน้ำหมักนานถึง 30 ปี มาฉีดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการทดลอง และวิจัยอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องเฝ้าติดตามผลกระทบในทางที่ดีต่อไป มั่นใจว่าผลของการฉีดเอนไซม์จะทำให้คุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดระยองดีขึ้น ได้รับอากาศที่ดี มลพิษลดน้อยลงอย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทางด้านองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัว เข้ามาร่วมการดำเนินงานในครั้งนี้ด้วย
“ทุกหน่วยงานจะต้องมีส่วนร่วมกันสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองอุตสาหกรรมหนัก ให้รอดพ้นจากมลพิษทำลายสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตอีกด้วย และหลังจากฉีดพ่นน้ำผสมสารเอนไซม์แล้ว ในพื้นที่ดังกล่าวจะมีผลเป็นเช่นไร เพื่อเก็บข้อมูลในการทำวิจัยด้านสุขภาพต่อไป” ดร.รสสุคนธ์ กล่าว
ดร.รสสุคนธ์ กล่าวต่อไปว่า ตนจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดส่งหน่วยบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่มาบริการตรวจสุขภาพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งรถตรวจวัดค่าสภาพอากาศ เพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาสุขภาพต่อไป ซึ่งผลในเบื้องต้น ก่อนฉีดเอนไซม์วัดอุณหภูมิได้ 42 องศา หลังจากฉีดแล้ว เหลือเพียง 34 องศาเท่านั้น