xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายน้ำมันแพงค้านเปิดสัมปทานปิโตรเลียม แนะ “ยิ่งลักษณ์” แก้ไขค่าภาคหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายผู้เดือดร้อนจากน้ำมันแพงแถลงการณ์ค้ารัฐเปิดสัมปทานปิโตรเลียมใหม่ 22 แปลง ชี้ไทยผลิตน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติเยอะแต่ได้ส่วนแบ่งน้อยผลประโยชน์ตกกับผู้ขุดเจาะ แนะ “ยิ่งลักษณ์” เดินหน้าแก้ไขค่าภาคหลวง-ภาษีจากสัมปทานให้ชาติได้ประโยชน์

วันนี้ (7 ก.ค.2555) เครือข่ายผู้เดือดร้อนจากน้ำมันแพง เดินทางมาชุมนุมที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ เพื่อแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาล คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ และกระทรวงพลังงาน ชะลอการให้สัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 จำนวน 22 แปลงเอาไว้ก่อน

ข้อเรียกร้องตามจดหมายเปิดผนึกของเครือข่ายฯ ที่จะส่งถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ และนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่าขอให้ระงับการเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 ไปก่อน จนกว่าจะมีการแก้ไขส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการขุดเจาะปิโตรเลียมของประเทศไทยให้ประชาชนในประเทศในประเทศได้รับผลประโยชน์สูงสุด

การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายฯ ในครั้งนี้ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกันในหลายจุดทั่วประเทศนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อคัดค้านกรณีที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ประกาศให้มีการยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียม ครั้งที่ 22 จำนวน 22 แปลง รวมพื้นที่ 45.995 ตร.กม. ตามความปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 26 มิ.ย. 2555

แต่ทางเครือข่ายฯ เห็นว่า ในรอบ 29 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการขุดเจาะปิโตรเลียมในประเทศไทย พบว่ามีผลผลิตปิโตรเลียมรวมมูลค่าประมาณ 2.99 ล้านล้านบาท แต่ปรากฏว่าประเทศไทยได้รับส่วนแบ่งจากการผลิตผ่านการจัดเก็บค่าภาคหลวงและภาษีสูงสุดเพียง 29.87% ของมูลค่าทั้งหมด หรือราว 8.9 แสนล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ส่วนต่างอีกราว 2 ล้านล้านบาทกลับตกเป็นของผู้ขุดเจาะ

เครือข่ายฯเห็นว่า รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรทบทวนแนวทางการจัดเก็บค่าภาคหลวงและภาษีเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ โดยทางเครือข่ายฯเห็นว่าควรมีการปรับปรุงการจัดเก็บค่าภาคหลวงและภาษีจากสัมปทานปิโตรลียม ให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ในระดับ 60-80% เช่นเดียวกับที่หลายประเทศได้รับในปัจจุบัน

นางนิตยาพร สุวรรณชิน ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้เดือดร้อนจากน้ำมันแพงกล่าวว่า รายได้จากค่าภาคหลวงและภาษีจากสัมปทานปิโตรเลียมที่ประเทศไทยได้รับในปัจจุบันนั้น ถือเป็นข้อผิดพลาดขอรัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้ในเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ในปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก แต่ประเทศกลับได้รับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น อีกทั้งราคาจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศยังสูงกว่าประเทศอื่นๆ

ดังนั้น หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าทำการเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมต่อไป โดยที่ยังไม่ได้มีการปรับปรุงการจัดเก็บรายได้จากสัมปทานให้เหมาะสมและเป็นธรรม ก็จะทำให้ประเทศสูญเสียผลประโยชน์ที่ควรได้ ทั้งจากรายได้ที่รัฐบาลสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และทรัพยากรที่จะถูกผู้ประกอบการนำไปแสวงหากำไร

เครือข่ายฯ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดปัจจุบันได้แสดงบทบาทในการออกมาปกป้องผลประโยชน์ของในชาติ ด้วยการแก้ไขการจัดเก็บค่าภาคหลวงและภาษีเสียใหม่ เหมือนอย่างที่หลายประเทศได้ดำเนินการมาแล้ว

ทั้งนี้ เครือข่ายฯ เปิดเผยว่า จะเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 10 ก.ค. ที่จะถึงนี้ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด นอกจากนี้จะมีการจัดการเสวนาเกี่ยวกับปัญหาน้ำมัน ในวันที่ 28 ก.ค. ที่โรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์อีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น