ภาคประชาชนสามนครใหญ่ภาคอีสาน นครราชสีมา นครขอนแก่น นครอุดรธานี รวมพลังปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ จัดกิจกรรม “3 นครารักษาสถาบัน” ศาลเจ้าพ่อขอนแก่น วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น
นายสุนทร จันทร์รังสี สสร. 2550 ผู้บุกเบิกหนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน นครราชสีมา ร่วมกับนายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น แกนนำขอนแก่นเสรี ตัวแทนองค์กรภาคธุรกิจเอกชน และนายดนุช ตันเทอดทิตย์ เจ้าของโรงเรียนพัฒนาปัญญา จังหวัดอุดรธานี ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ณ ภัตตาคารเสียวเสี้ยว นครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า เนื่องด้วยสภาวะบ้านเมืองระส่ำระสายวุ่นวายหลายปีติดต่อกันมา จากผู้คิดร้ายทำลายกฎหมายและมุ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองของชาติ ทั้งพรรคการเมืองบางพรรคก็มุ่งแต่จะแก้ปัญหาให้หัวหน้าพรรคตนเอง แม้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก แต่ก็หนีออกนอกประเทศและยังมีคดีอาญาอีกหลายคดีที่ค้างคา พรรคการเมืองที่เป็นสมุนจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.ลบล้างความผิด โดยใช้ชื่อที่ไม่ตรงความจริงว่า พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างรุนแรง จึงก่อให้แตกความสามัคคีของคนในชาติ อีกทั้งยังอาศัยเสียงข้างมากพยายามจะล้มล้างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ระบุว่าจะแก้มาตราใดกลับลงมติตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ จึงมีผู้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ เป็นการพยายามกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศ โดยวิธีการที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ยุติการกระทำ ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องและมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระที่ 3 เพื่อจะใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 เดือน แต่ปรากฏว่าผู้มีตำแหน่งสูงๆ ในพรรครัฐบาลต่างรุมประณามศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่ยำเกรงแม้แต่น้อย ทั้งที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งขึ้นตามคำแนะนำของวุฒิสภา อีกทั้งแต่ละท่านก็มีประวัติชีวิตที่งดงามทั้งสิ้น ผสานกับความพยายามที่จะบั่นทอนพระราชอำนาจและลบหลู่พระบรมเดชานุภาพ โดยการปลุกระดมให้กระทำการจาบจ้วงพระองค์ท่าน ก่อให้เกิดความผิดตามคดีอาญามาตรา 112 เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏ แต่แล้วก็มาเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรานี้โดยอ้างสิทธิมนุษยชน เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย
จากการที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนหลากสีหลายอาชีพของสามนครใหญ่ในอีสาน คือ นครราชสีมา นครขอนแก่น และนครอุดรธานี เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่สุจริตชนทั้ง 3 จังหวัดนี้จะต้องรวมพลังปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ นับตั้งแต่ สถาบันกษัตริย์ และสถาบันศาลทั้งหลาย เพราะถูกดูหมิ่นเหยียดหยามคุกคามอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งถ้าสุจริตชนไม่ตื่นตัวเป็นเกราะคุ้มกันสถาบันสำคัญของชาติแล้ว ประเทศก็จะขาดหลักยึดเหนี่ยวแห่งความยุติธรรม
จึงกำหนดกิจกรรมให้ชื่อว่า “3 นครารักษาสถาบัน” ขึ้น เริ่มตั้งแต่ 16.30 น. วันพุธที่ 20 มิถุนายน 2555 ณ ศาลเจ้าพ่อขอนแก่น วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น โดยจะมีมวลชนจาก 3 จังหวัดนับพันคนเดินทางมาร่วมกิจกรรมนี้ โดยมีการปราศรัยให้ความรู้ความเข้าใจจาก รศ.คมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน และ 3 จ่าจากรายการ “เสียงชนบทไทย” สถานีบลูสกาย
นายสุนทรกล่าวย้ำว่า กิจกรรมนี้เป็นการรวมพลังของประชาชนโดยแท้จริง โดยร่วมกันเสียสละทร้พย์สินส่วนตัวโดยสุจริต มิได้มีพรรคการเมืองใดหนุนหลัง จึงขอเชิญผู้ที่รักความจริงและเข้าใจในประชาธิปไตย เข้าร่วมรับฟังการเสวนาที่มีคุณค่าครั้งนี้โดยเสรี
นายสุนทร จันทร์รังสี สสร. 2550 ผู้บุกเบิกหนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน นครราชสีมา ร่วมกับนายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น แกนนำขอนแก่นเสรี ตัวแทนองค์กรภาคธุรกิจเอกชน และนายดนุช ตันเทอดทิตย์ เจ้าของโรงเรียนพัฒนาปัญญา จังหวัดอุดรธานี ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ณ ภัตตาคารเสียวเสี้ยว นครราชสีมา เมื่อบ่ายวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า เนื่องด้วยสภาวะบ้านเมืองระส่ำระสายวุ่นวายหลายปีติดต่อกันมา จากผู้คิดร้ายทำลายกฎหมายและมุ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองของชาติ ทั้งพรรคการเมืองบางพรรคก็มุ่งแต่จะแก้ปัญหาให้หัวหน้าพรรคตนเอง แม้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก แต่ก็หนีออกนอกประเทศและยังมีคดีอาญาอีกหลายคดีที่ค้างคา พรรคการเมืองที่เป็นสมุนจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.ลบล้างความผิด โดยใช้ชื่อที่ไม่ตรงความจริงว่า พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างรุนแรง จึงก่อให้แตกความสามัคคีของคนในชาติ อีกทั้งยังอาศัยเสียงข้างมากพยายามจะล้มล้างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ระบุว่าจะแก้มาตราใดกลับลงมติตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ จึงมีผู้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ เป็นการพยายามกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศ โดยวิธีการที่มิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ยุติการกระทำ ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องและมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระที่ 3 เพื่อจะใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 เดือน แต่ปรากฏว่าผู้มีตำแหน่งสูงๆ ในพรรครัฐบาลต่างรุมประณามศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่ยำเกรงแม้แต่น้อย ทั้งที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งขึ้นตามคำแนะนำของวุฒิสภา อีกทั้งแต่ละท่านก็มีประวัติชีวิตที่งดงามทั้งสิ้น ผสานกับความพยายามที่จะบั่นทอนพระราชอำนาจและลบหลู่พระบรมเดชานุภาพ โดยการปลุกระดมให้กระทำการจาบจ้วงพระองค์ท่าน ก่อให้เกิดความผิดตามคดีอาญามาตรา 112 เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏ แต่แล้วก็มาเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรานี้โดยอ้างสิทธิมนุษยชน เหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย
จากการที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนหลากสีหลายอาชีพของสามนครใหญ่ในอีสาน คือ นครราชสีมา นครขอนแก่น และนครอุดรธานี เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่สุจริตชนทั้ง 3 จังหวัดนี้จะต้องรวมพลังปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ นับตั้งแต่ สถาบันกษัตริย์ และสถาบันศาลทั้งหลาย เพราะถูกดูหมิ่นเหยียดหยามคุกคามอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งถ้าสุจริตชนไม่ตื่นตัวเป็นเกราะคุ้มกันสถาบันสำคัญของชาติแล้ว ประเทศก็จะขาดหลักยึดเหนี่ยวแห่งความยุติธรรม
จึงกำหนดกิจกรรมให้ชื่อว่า “3 นครารักษาสถาบัน” ขึ้น เริ่มตั้งแต่ 16.30 น. วันพุธที่ 20 มิถุนายน 2555 ณ ศาลเจ้าพ่อขอนแก่น วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น โดยจะมีมวลชนจาก 3 จังหวัดนับพันคนเดินทางมาร่วมกิจกรรมนี้ โดยมีการปราศรัยให้ความรู้ความเข้าใจจาก รศ.คมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน และ 3 จ่าจากรายการ “เสียงชนบทไทย” สถานีบลูสกาย
นายสุนทรกล่าวย้ำว่า กิจกรรมนี้เป็นการรวมพลังของประชาชนโดยแท้จริง โดยร่วมกันเสียสละทร้พย์สินส่วนตัวโดยสุจริต มิได้มีพรรคการเมืองใดหนุนหลัง จึงขอเชิญผู้ที่รักความจริงและเข้าใจในประชาธิปไตย เข้าร่วมรับฟังการเสวนาที่มีคุณค่าครั้งนี้โดยเสรี
