xs
xsm
sm
md
lg

“ปลอดประสพ” ฉุน ส.ส.ขวาง พ.ร.บ.ล้างผิด “พ่อแม้ว” ด่าลั่นเป็นตัวอย่างเลว-ทุเรศที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปลอดประสพ  สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ปลอดประสพ” ฉุนขวาง พ.ร.บ.ล้างผิด “พ่อแม้ว” ออกโรงสบถด่าลั่น ส.ส.ขว้างหนังสือใส่ประธานสภาฯ และฉุดลงจากเก้าอี้ ถือเป็นตัวอย่างที่เลวของสภาไทย และเป็นเรื่องทุเรศที่สุด ท้าใครไม่พอใจให้มาเจอกันได้ ระบุ คนไทยมี 2 ทางให้เลือกคือ ฆ่ากันให้ตายหมด กับลืมเรื่องทุกอย่างแล้วมาปรองดองกัน สุดพิลึกชี้ “ปรองดอง” คือ การเสียสละให้อภัยโดยไม่คำนึงถึงกติกาใดๆ กฎใดๆ ที่เขียนเอาไว้

วันนี้ (3 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ ในระหว่างเดินทางมาตรวจเยี่ยม และมอบนโยบาย ที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) อ.เมือง จ.นครราชสีมา ถึงกรณีความวุ่นวายทางการเมืองในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ว่า สิ่งที่ผ่านมาในช่วง 2-3 วัน ในทัศนะของตนถือว่าเป็นเรื่องที่ทุเรศมากที่สุด เพราะผู้เป็น ส.ส. รัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มีมารยาททุเรศเช่นนี้ได้อย่างไร และประเด็นที่ 2 สภาฯ เป็นที่อยู่ของผู้ทรงเกียรติ ขอถามว่าผู้ทรงเกียรติประพฤติตัวเช่นนี้ได้อย่างไร การกระทำแบบนี้คือผู้ไร้เกียรติ อยู่ในสภาก็เรียกกันว่าท่าน ยิ่งประธานต้องเคารพทุกอย่าง แล้วเอาหนังสือไปขว้างปาประธานสภา และไปฉุดลงจากเก้าอี้ เช่นนี้เรียกว่าเคารพหรือ หรือมีดิกชันนารีใหม่เกิดขึ้น คือ ดึงลงจากเก้าอี้แปลว่า เคารพหรือ

ถ้าเป็นเช่นนั้น “ผมจะมีศัพท์ใหม่ เวลาผมพูดหยาบๆ ว่า ไอ้ห่า แปลว่า ฉันรักเธอ จะเอาหรือเปล่า” ฉะนั้น จึงขอประณามการกระทำของผู้แทนราษฎร เจ้าอารมณ์ และหยาบคาย ทั้งหลายว่า “คุณเป็นตัวอย่างที่เลวของสภาไทย” ถ้าใครไม่พอใจให้มาหาตนได้เลย เพราะผมพูดจริง แต่ถ้าถามอีกคำ จะด่าให้หนักกว่านี้อี”

ต่อข้อถามที่ว่า จะหาทางออกของเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายปลอดประสพ กล่าวว่า จะขอยกตัวอย่างให้ดูว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 รบแพ้ชนะกันจะตาย สุดท้ายก็ต้องปรองดองกันด้วยสนธิสัญญาแวร์ซาย หรือไม่ก็ฆ่ากันตายหมด สงครามโลกครั้งที่ 2 รบกันแทบตาย และทิ้งปรมาณูไป 2 ลูก ก็ไปเซ็นสัญญากันบนเรือมิสซูรีว่าจะปฏิบัติต่อญี่ปุ่นอย่างไร ไม่ใช่ไปล้างประเทศทั้งประเทศ จะปฏิบัติต่อสถาบัน หรือรัฐธรรมนูญอย่างไร นั่นคือ การปรองดอง และมาที่เกาหลีก็รบกันแหลก สุดท้ายก็ปรองดอง

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างก็ปรองดอง ไม่ปรองดองอยู่กันไม่ได้ ซึ่งการปรองดองก็หมายถึงการเสียสละ การให้อภัยต่างๆ ซึ่งกันและกัน โดยไม่คำนึงถึงว่ากติกาใดๆ กฎใดๆ ที่เขียนเอาไว้ มันก็ต้องพูดกันอย่างนั้น เพราะมันไม่รู้จะปรองดองกันอย่างไร

ตอนนี้คนไทยมีทางเลือก 2 ทางคือ 1. นัดกันที่สนามหลวง และชกกัน 1 ต่อ 1 ทุกวัน หรือฆ่ากัน 1ต่อ 1 ทุกวัน คนไหนที่เหลือคนสุดท้ายก็ชนะ โดยต้องให้มีผู้ชาย และผู้หญิงเหลืออย่างละคน และก็ทำลูกกัน ประเทศไทยจะอยู่ต่อไปได้ ส่วนอีกทางเลือกคือ ปรองดองกัน ก็จะเหลือผู้ชายอยู่ 30 ล้านคน ผู้หญิงเหลืออยู่ 30 ล้านคน ผลิตลูกได้ปีละประมาณ 1% หรือ 6 ล้านคน ให้เลือกเอาว่าจะเอาแบบไหน ส่วนผมเลือกมีลูก 2 คน มีหลาน 3 คนไปแล้ว ฉะนั้นส่วนตัวผมก็ต้องเลือกปรองดอง ทั้งที่โดยนิสัยตนไม่ปรองดองเลย

“ที่ออกมาเย้วๆ กันอยู่ทุกวันนี้เทียบกับผมเมื่อตอนเป็นหนุ่มแล้วยังไม่ถึงมาตรฐานผมเลย แต่มันเป็นไปไม่ได้ แล้วคิดว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้าที่จะมีใครสักคนหนึ่งมาพูดบอกว่า ยอมเสียชื่อเสียง ยอมกระทำการไม่ดีเพื่อรักษาที่สิ่งตัวเองเชื่อว่าถูกที่สุด ผมว่ามันชักจะยังไงอยู่ ไม่อยากเห็นคนดีๆ พูดเช่นนี้เลย แต่ผมคงไม่ไปตีรันฟันแทงเพราะแก่เกินไปแล้ว” นายปลอดประสพ กล่าว
“รมว.วิทย์” ลั่นดันผุดเครื่องกำเนิดแสง “ซินโครตรอน” ใหม่ 8 พันล.-มุ่งสนองพัฒนาภาคธุรกิจ
“รมว.วิทย์” ลั่นดันผุดเครื่องกำเนิดแสง “ซินโครตรอน” ใหม่ 8 พันล.-มุ่งสนองพัฒนาภาคธุรกิจ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รมว.วิทย์ฯ รุดตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการ “แสงซินโครตรอน” ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่โคราช ชี้เป็นเทคโนโลยีเทคนิควิทยาศาสตร์ทางฟิสิกส์ขั้นสูง ชูให้เป็น “แล็บกลาง” วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของไทย เพื่อขับเคลื่อนสร้างองค์ความรู้แข่งขันกับนานาชาติได้ ระบุ ผลักดันผุด “เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน” ใหม่ ประสิทธิภาพสูง ใช้งบฯ 8 พันล้าน พร้อมยกระดับเป็นศูนย์กลางวิจัยเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน ด้านการแพทย์-เกษตร-อุตสาหกรรม มุ่งตอบสนองพัฒนาภาคธุรกิจ และการแข่งขันทางการค้าของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น