จันทบุรี - นักธุรกิจเมืองจันทบุรีติงการประชุมสภาคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ จนเกิดความวุ่นวาย หลังมีนักการเมืองเข้าไปดึงแขนประธานสภา และมีการกระทบกระทั่งกันของนักการเมือง เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม
จากกรณีการประชุมสภา และมีการคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นนั้น เรื่องนี้ นายดิเรก ศุภวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการเคเบิลทีวีจันทบุรี นักธุรกิจในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี กล่าวในฐานะภาคเอกชน และนักธุรกิจว่า เป็นเรื่องของการวัดมาตรฐานทางการเมืองของไทยว่า มาตรฐานของนักการเมืองไทยมีวัฒนธรรม และมีมาตรฐานขนาดไหน ที่ไปแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม ไปล้อมกรอบประธานสภา ไปดึงแขน และมีการกระทบกระทั่งกันของนักการเมือง เป็นลักษณะที่ทำให้ชาวต่างประเทศมองมาตรฐานทางการเมืองไทยไม่ดี
ส่วนนี้ การศึกษาของนักการเมืองแต่ละคนก็สูงพอสมควร แต่การกระทำเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่เห็นด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกไปสู่สายตาประชาชนทั่วประเทศนั้นในเรื่องของวัฒนธรรมทางการเมืองของการเมืองไทย มองว่าอยู่ในระดับยังไม่สูงเท่าที่ควร และจะต้องมีการพัฒนามากกว่านี้ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน
นายดิเรก กล่าวต่อว่า สำหรับทางด้านการเมืองนั้น ตนมีความคิดเห็นว่าควรที่จะมองมาที่พรรคการเมืองมากกว่า หัวหน้าพรรคการเมือง จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งหัวหน้าพรรคต้องมีบทลงโทษทางการเมืองกับนักการเมืองคนนั้นๆ ที่ก่อความวุ่นวาย และหัวหน้าพรรคจะต้องออกมารับผิดชอบโดยการขอโทษ ตรงนี้พรรคจะต้องมีกรอบจริยธรรมทางการเมืองเพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพรรคขึ้นมาอีก
ทั้งนี้ โดยภาพรวมภาพลักษณ์ที่เกิดความวุ่นวายในการประชุมสภาที่แพร่ออกไปทั่วประเทศทำให้ชาวต่างชาติมองภาพลักษณ์การเมืองไทยต่ำ จะทำให้เสียภาพลักษณ์ในด้านการลงทุน นักลงทุนก็ไม่กล้าที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นการเมืองไทยยังคงไม่ปรองดองเท่าที่ควร
นายชายธง นิยมกิจ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ที่พฤติกรรมที่ออกมาแล้วไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร ประเด็นแม้จะมีข้อขัดแย้งมากอย่างไรก็ตาม ความอดทนอดกลั่นของนักการเมืองก็น่าจะต้องใจเย็นนิดนึง มีวุฒิภาวะที่ดี เพราะสิ่งที่ปรากฏออกทางสื่อทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ในระยะยาวคงไม่มีผลกระทบ
แต่ในเรื่องของประเด็นความขัดแย้งตนเองมองว่า เมืองไทยควรที่จะก้าวผ่านความขัดแย้งเหล่านี้ไปได้แล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เศรษฐกิจภายนอกมันไม่ดีการที่จะทำให้เศรษฐกิจภายในมีผลกระทบอีก ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง ความขัดแย้งต่างๆ มันก็จะต้องช่วยให้มันผ่านพ้นไปก่อน ประเด็นอะไรก็ตามที่มีความเสี่ยงเกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม ตนเองมองในด้านนักธุรกิจอย่าพึ่งเอาช่วงเวลานี้มาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งเลย
จากกรณีการประชุมสภา และมีการคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นนั้น เรื่องนี้ นายดิเรก ศุภวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการเคเบิลทีวีจันทบุรี นักธุรกิจในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี กล่าวในฐานะภาคเอกชน และนักธุรกิจว่า เป็นเรื่องของการวัดมาตรฐานทางการเมืองของไทยว่า มาตรฐานของนักการเมืองไทยมีวัฒนธรรม และมีมาตรฐานขนาดไหน ที่ไปแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม ไปล้อมกรอบประธานสภา ไปดึงแขน และมีการกระทบกระทั่งกันของนักการเมือง เป็นลักษณะที่ทำให้ชาวต่างประเทศมองมาตรฐานทางการเมืองไทยไม่ดี
ส่วนนี้ การศึกษาของนักการเมืองแต่ละคนก็สูงพอสมควร แต่การกระทำเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่เห็นด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกไปสู่สายตาประชาชนทั่วประเทศนั้นในเรื่องของวัฒนธรรมทางการเมืองของการเมืองไทย มองว่าอยู่ในระดับยังไม่สูงเท่าที่ควร และจะต้องมีการพัฒนามากกว่านี้ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน
นายดิเรก กล่าวต่อว่า สำหรับทางด้านการเมืองนั้น ตนมีความคิดเห็นว่าควรที่จะมองมาที่พรรคการเมืองมากกว่า หัวหน้าพรรคการเมือง จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งหัวหน้าพรรคต้องมีบทลงโทษทางการเมืองกับนักการเมืองคนนั้นๆ ที่ก่อความวุ่นวาย และหัวหน้าพรรคจะต้องออกมารับผิดชอบโดยการขอโทษ ตรงนี้พรรคจะต้องมีกรอบจริยธรรมทางการเมืองเพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพรรคขึ้นมาอีก
ทั้งนี้ โดยภาพรวมภาพลักษณ์ที่เกิดความวุ่นวายในการประชุมสภาที่แพร่ออกไปทั่วประเทศทำให้ชาวต่างชาติมองภาพลักษณ์การเมืองไทยต่ำ จะทำให้เสียภาพลักษณ์ในด้านการลงทุน นักลงทุนก็ไม่กล้าที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นการเมืองไทยยังคงไม่ปรองดองเท่าที่ควร
นายชายธง นิยมกิจ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ที่พฤติกรรมที่ออกมาแล้วไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร ประเด็นแม้จะมีข้อขัดแย้งมากอย่างไรก็ตาม ความอดทนอดกลั่นของนักการเมืองก็น่าจะต้องใจเย็นนิดนึง มีวุฒิภาวะที่ดี เพราะสิ่งที่ปรากฏออกทางสื่อทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ในระยะยาวคงไม่มีผลกระทบ
แต่ในเรื่องของประเด็นความขัดแย้งตนเองมองว่า เมืองไทยควรที่จะก้าวผ่านความขัดแย้งเหล่านี้ไปได้แล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เศรษฐกิจภายนอกมันไม่ดีการที่จะทำให้เศรษฐกิจภายในมีผลกระทบอีก ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง ความขัดแย้งต่างๆ มันก็จะต้องช่วยให้มันผ่านพ้นไปก่อน ประเด็นอะไรก็ตามที่มีความเสี่ยงเกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม ตนเองมองในด้านนักธุรกิจอย่าพึ่งเอาช่วงเวลานี้มาเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งเลย
