ASTV ผู้จัดการออนไลน์ -CPF เปิดให้สถาบันการศึกษาที่สนใจเข้าร่วม “โครงการเปิดโลกอาหารปลอดภัย” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจกระบวนการผลิตอาหารที่ทันสมัยและปลอดภัย
นายณฤกษ์ มางเขียวรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนิน “โครงการเปิดโลกอาหารปลอดภัย” มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน สามารถให้ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยแก่เด็กนักเรียนนักศึกษาแล้วร่วม 150,000 คน จากสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
นายณฤกษ์ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ซีพีเอฟตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความรู้เยาวชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ ถูกสุขอนามัย ตลอดจนแนะนำวิธีเลือกบริโภคอาหารให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของตน
นักเรียนนักศึกษา ที่แสดงความจำนงขอเข้าเยี่ยมเข้าชมกระบวนการผลิตเนื้อไก่ในโรงงานของ ซีพีเอฟ จะได้เข้าชมโรงงานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา เป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สร้างประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก
กระบวนการผลิตในโรงงานที่ได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของโลก” นี้ ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตตามหลักสากล เช่น GMP, HACCP, ISO 9001-9002, 14001, 18001, OHSAS, EST/TH, HALAL, ANIMAL WELFARE ตลอดจน สามารถตรวจสอบย้อนกลับ ได้ตลอดกระบวนการผลิต รวมถึง มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ฯลฯ มีการดำเนินธุรกิจตามระบบธรรมาภิบาลด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและประชาคมโลกได้มีอาหารโปรตีนที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ตามเป้าหมายที่มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลก” หรือ “Kitchen of the World”
โรงงานของซีพีเอฟเป็นโรงงานระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติขอเข้าเยี่ยมชมกันหลายหมู่คณะ ปัจจุบันมีสถาบันที่สนใจเข้าเยี่ยมชมแล้วกว่า 200 แห่ง เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท และพัฒนาการ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โรงเรียนเทพศิรินทร์ ร่มเกล้า โรงเรียนเซนต์ดอร์มินิก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และอีกหลายๆสถาบันทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศ
ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์จากสถานที่จริง ให้แก่เด็กไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสอันดีนี้ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งการเสริมหลักสูตรจากทฤษฎีและตำราเรียนในห้องได้เป็นอย่างดี
สำหรับสถาบันการศึกษาใดที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ สามารถนำนักเรียนในระดับชั้นตั้งแต่ประถมปีที่ 4 ขึ้นไป กลุ่มละไม่เกิน 100 คน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมแต่อย่างใด และสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-625-7344-5
นายณฤกษ์ มางเขียวรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนิน “โครงการเปิดโลกอาหารปลอดภัย” มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน สามารถให้ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยแก่เด็กนักเรียนนักศึกษาแล้วร่วม 150,000 คน จากสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
นายณฤกษ์ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ซีพีเอฟตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความรู้เยาวชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ ถูกสุขอนามัย ตลอดจนแนะนำวิธีเลือกบริโภคอาหารให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของตน
นักเรียนนักศึกษา ที่แสดงความจำนงขอเข้าเยี่ยมเข้าชมกระบวนการผลิตเนื้อไก่ในโรงงานของ ซีพีเอฟ จะได้เข้าชมโรงงานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา เป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สร้างประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก
กระบวนการผลิตในโรงงานที่ได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของโลก” นี้ ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตตามหลักสากล เช่น GMP, HACCP, ISO 9001-9002, 14001, 18001, OHSAS, EST/TH, HALAL, ANIMAL WELFARE ตลอดจน สามารถตรวจสอบย้อนกลับ ได้ตลอดกระบวนการผลิต รวมถึง มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ฯลฯ มีการดำเนินธุรกิจตามระบบธรรมาภิบาลด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและประชาคมโลกได้มีอาหารโปรตีนที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ตามเป้าหมายที่มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลก” หรือ “Kitchen of the World”
โรงงานของซีพีเอฟเป็นโรงงานระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติขอเข้าเยี่ยมชมกันหลายหมู่คณะ ปัจจุบันมีสถาบันที่สนใจเข้าเยี่ยมชมแล้วกว่า 200 แห่ง เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท และพัฒนาการ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โรงเรียนเทพศิรินทร์ ร่มเกล้า โรงเรียนเซนต์ดอร์มินิก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และอีกหลายๆสถาบันทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศ
ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์จากสถานที่จริง ให้แก่เด็กไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสอันดีนี้ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งการเสริมหลักสูตรจากทฤษฎีและตำราเรียนในห้องได้เป็นอย่างดี
สำหรับสถาบันการศึกษาใดที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ สามารถนำนักเรียนในระดับชั้นตั้งแต่ประถมปีที่ 4 ขึ้นไป กลุ่มละไม่เกิน 100 คน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมแต่อย่างใด และสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-625-7344-5