ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กยศ.จับมือสำนักระงับข้อพิพาท-ศาลแขวงเชียงใหม่ เปิดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมฯ ตั้งเป้าลดคดีก่อนถึงศาล-ช่วยนักเรียนนักศึกษา ด้าน กยศ.แจงส่งหนังสือเชิญผู้ค้างชำระหนี้ 5 งวดทั่วประเทศเข้าโครงการไกล่เกลี่ย 5 จุดทั่วประเทศ พร้อมลดเบี้ยปรับช่วย ระบุเชียงใหม่มีหนี้ กยศ.100 กว่าล้าน ส่วนทั้งประเทศเกือบ 3,000 ล้าน
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่ศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ สำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม และศาลแขวงเชียงใหม่ ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทำพิธีเปิดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดี ประจำปีงบประมาณ 2555 โดยมี นายยงยศ วรสุภาพ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ประจำสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 เป็นประธานในพิธี
การจัดโครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่เป็นลูกหนี้ที่กู้เงินจาก กยศ.รวมไปถึงผู้ค้ำประกัน ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในปี 2555 จำนวน 109,697 ราย มาเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง โดยจัดโครงการดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 28 เมษายน-6 พฤษภาคม 2555 ไม่เว้นวันหยุดราชการ พร้อมกันใน 5 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น นครราชสีมา สงขลา และเชียงใหม่ ซึ่งใช้พื้นที่ของศาลแขวงเชียงใหม่เป็นสถานที่ดำเนินการ
นายชาญชัย ณ พิกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดยะลา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ คือ
1. เพื่อช่วยลดปริมาณคดีประเภทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่จะฟ้องร้องต่อศาลในปี 2555
2. เพื่อสนับสนุนนโยบายของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการให้บริการเชิงรุกแก่ประชาชนด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้อง
3. เพื่อช่วยลดปัญหาของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นลูกหนี้ของ กยศ.
4. เพื่อส่งเสริมการสร้างประสบการณ์ของผู้ประนีประนอมประจำศาล ในการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
และ 5. เพื่อประชาสัมพันธ์ระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของสำนักงานศาลยุติธรรม
ด้าน นางอัญชลี ภูริวิทย์วัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการจัดการ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหนี้ กยศ.เปิดเผยว่า กยศ.ได้ส่งหนังสือเชิญผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้เกิน 5 งวดขึ้นไป รวมทั้งผู้ค้ำประกันที่จะถูกดำเนินคดีในปี 2555 มาเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ย โดยในส่วนของ จ.เชียงใหม่มีผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ 5 งวดขึ้นไปรวม 3,426 ราย มูลค่าหนี้ค้างชำระประมาณ 123 ล้านบาท
นางอัญชลีกล่าวต่อไปว่า ผู้กู้ยืมที่ได้รับหนังสือเชิญสามารถมาแสดงตน และทำการไกล่เกลี่ยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยมีเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการ 3 กรณี ได้แก่ 1. การทำหนังสือรับสภาพหนี้เพื่อกลับสถานะเป็นผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้ตามปกติ 2. การทำคำรับรองขอชำระหนี้เสร็จสิ้น โดย กยศ.จะลดค่าเบี้ยปรับให้ร้อยละ 80 หากลูกหนี้ทำการชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด และ 3. การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยตกลงผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 9 ปี โดยจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 50
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีกลุ่มผู้กู้ยืมเงินจาก กยศ.ทั่วประเทศที่ค้างชำระหนี้ 5 งวดขึ้นไป จำนวน 109,697 ราย เป็นมูลค่าหนี้ที่ค้างชำระประมาณ 2,883 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆ คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 38,042 ราย มูลหนี้ค้างชำระ 799 ล้านบาท ภาคกลาง 22,068 ราย มูลหนี้ค้างชำระ 574 ล้านบาท ภาคใต้ 18,094 ราย มูลหนี้ค้างชำระ 574 ล้านบาท ภาคเหนือ 12,351 ราย มูลหนี้ค้างชำระ 363 ล้านบาท ภาคตะวันออก 7,061 ราย มูลหนี้ค้างชำระ 186 ล้านบาท และภาคตะวันตก 4,602 ราย มูลหนี้ค้างชำระ 121 ล้านบาท