xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เตรียมเค้นสอบเภสัชกรรมยักยอกยา“ซูโดอีเฟดรีน” รพ.กมลาไสย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาฬสินธุ์-ตำรวจชุดคลี่คลายคดีสาร “ซูโดอีเฟดรีน” โรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เตรียมส่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำเภสัชกรรม ผู้ต้องหายักยอกยาและผู้อำนวยการอีกครั้ง หลังอดีตเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ผู้ต้องสงสัยให้การไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อยา ย้ำคดียังเดินต่อเพื่อสางเครือข่ายผลิตยาบ้า

ความคืบหน้าคดีสารซูโดอีเฟดรีน โรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ หายกว่า 3 แสน 5 หมื่นเม็ด หลังจากเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมานางสุภคนิจ ศรีพนา อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกนางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสย ผู้ต้องหายักยอกยา ซัดทอดว่าเป็นผู้รับซื้อ แต่ภายหลังจากสอบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแถมยังป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย

ล่าสุดเมื่อวันนี้( 24 มี.ค.) พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย (ผกก.สภ.กมลาไสย) พร้อมพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกนางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสยเข้าสอบปากคำใหม่อีกครั้ง เพื่อสืบหาแหล่งที่ไปของยาดังกล่าว พร้อมทั้งเตรียมเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสยเข้าให้ข้อมูลใหม่อีกครั้งเช่นกัน

แต่การสอบปากคำต้องประสบปัญหา เนื่องจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสยนั้นเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งจะกลับมาในวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคมนี้

พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกซัดทอดว่าเป็นผู้รับซื้อยาเข้ามาให้การด้วยความบริสุทธิ์ใจก็พบว่า อดีตเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนก็ไม่พบหลักฐานใดๆที่เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยเป็นผู้รับซื้อ จึงต้องยุติการสืบสวน

แต่ทางตำรวจจะต้องทำการสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งเป็นเภสัชกรรมใหม่อีกครั้ง เพื่อสอบถามและเค้นเอาความจริงถึงแหล่งที่นำยาไปปล่อยขาย พร้อมทั้งจะเชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสยเข้ามาให้ข้อมูลใหม่อีกครั้งเช่นกัน เนื่องจากการให้การของเจ้าหน้าที่เภสัชกรรมนั้นมีทั้งเป็นความจริงและไม่เป็นความจริง ยังคงปกปิดข้อมูลอีกหลายเรื่องกับเจ้าหน้าที่ แต่คงต้องรอให้ผู้อำนวยการกลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน

ส่วนเครือข่ายที่เหลือจำนวน 10 คน ก็ยังคงต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยซึ่งจะเชิญตัวมาสอบปากคำใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามทราบว่าภายในสัปดาห์หน้า ดีเอสไอ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ

ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยให้การว่า อดีตตนเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด แต่ระยะหลังมีปัญหาด้านสุขภาพจึงต้องออกจากงาน ส่วนสามีนั้นมีอาชีพเก็บของเก่าขาย บ้านไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ทั้งนี้รู้จักกับเภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสยจริง เนื่องจากเภสัชกรรมคนดังกล่าวมาเช่าบ้านอยู่ระแวกเดียวกัน ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด แต่ไม่ได้สนิทสนมกัน ไม่ค่อยได้พูดจากัน

ส่วนกรณีที่พบเบอร์โทรศัพท์ของตนอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่เภสัชนั้น เป็นเพียงการโทรมาสอบถามอาการป่วย ซึ่งตนป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย และยังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นประจำ

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เภสัชก็ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว และเพิ่งติดต่อมาประมาณต้นเดือนมีนาคม ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่เภสัชซักทอดว่า ตนเป็นผู้รับซื้อยานั้นไม่เป็นความจริง ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เภสัชฯต้องการอะไร จึงนำตนและครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น