กาฬสินธุ์ - ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ เตรียมสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่รับซื้อยาแก้หวัดจากเภสัชกรโรงพยาบาลกมลาไสยในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ดีเอสไอลงพื้นที่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปสู่กระบวนการผลิตยาบ้า ด้านผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ย้ำคดีไม่มีมวยล้มต้องลากตัวคนกระทำผิดมาลงโทษ
ความคืบหน้าคดียาแก้หวัด หนึ่งในสารตั้งต้นที่มีส่วนผสมของ “ซูโดอีเฟดรีน” หายจากโรงพยาบาลกมลาไสยจำนวน 356,535 เม็ด ซึ่งกระบวนการตรวจสอบและสอบสวนทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเนื่องจากต้องตอบโจทย์สังคมให้ได้ว่า ยาสูตรผสม “ซูโดอีเฟดรีน” นั้นถูกนำไปทำอะไร
ล่าสุด วันนี้ (20 ม.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผอ.ส่วนคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ 3 หรือดีเอสไอ ได้เข้ารับฟังข้อมูลสำนวนสอบสวนจาก พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย ซึ่งผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ระบุว่า จำนวนยาที่หายจากโรงพยาบาลแห่งนี้มีความเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลดอยหล่อ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ เนื่องจากมีระบบการสั่งซื้อที่คล้ายกันและทำให้เชื่อว่าสารตั้งต้นที่หายไปจะถูกนำผลิตเป็นยาเสพติด และในขณะนี้ดีเอสไอยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานและสืบหาต้นต่อของแหล่งรับซื้อยา
พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผอ.ส่วนคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอ อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐาน ซึ่งในด้านคดีทรัพย์สินของทางราชการหายก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะเข้ามาดำเนินการ แต่ในขณะนี้เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกันความมั่นคงทำให้เชื่อว่า “ซูโดอีเฟดรีน” ได้ถูกนำไปจำหน่ายให้กับเครือข่ายยาเสพติดเพื่อนำไปผลิตเป็นยาบ้า ซึ่งขณะนี้ความเชื่อมโยงในส่วนของยามีความคล้ายคลึงกัน โรงพยาบาลที่จังหวัดเชียงใหม่
“เราก็จะทำการติดตามไปยังต้น ทั้งนี้ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทร์ขาว ผบช.สำนักคดีความมั่นคงฯ ได้กำชับให้ติดตามถึงเส้นทางการเคลื่อนไหวของยาจนไปถึงแหล่งรับซื้” ดีเอสไอกล่าวในที่สุด
ขณะที่ พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ คาดว่า คดีนี้จะสามารถสรุปสำนวนเพื่อให้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งด้านคดีมีหลักฐานชัดเจนโดยเฉพาะใบเสร็จที่ถูกแต่งบัญชีใหม่ ทั้งนี้ในส่วนผู้ต้องสงสัยคนสำคัญก็จะเข้าให้ปากคำในวันพรุ่งนี้เช่นกันซึ่งก็จะทำให้ตำรวจสามารถสรุปแหล่งรับซื้อและตอบคำถามถึงยาที่ถูกจำหน่าย
ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าทางคดีได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีผู้ต้องสงสัยที่สั่งซื้อยาจำนวนนี้จากเภสัชกรโรงพยาบาลกมลาไสยเดินทางไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนซึ่งก็เชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนเพื่อส่งไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนว่ามีใครที่ร่วมกระทำผิด ก็จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ท.
ส่วนที่จะไปเกี่ยวพันกับยาเสพติดก็จะส่งให้ บช.ปส.-ป.ป.ส.และดีเอสไอ เพราะคดีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจ เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่ายาที่หายไปมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด ที่ยังโยงใยไปในหลายพื้นที่ซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
“ในส่วนการสอบสวนนั้น ในด้านพยานเอกสาร มีผู้ต้องสงสัยจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้อย่างน้อย 3-5 คน เพราะมีหลักฐานการยักยอกยาออกจากโรงพยาบาล ในส่วนของเส้นทางการเดินยานั้น ทราบเพียงว่ายาเกือบทั้งหมดที่หายไปถูกนำส่งไปขายให้กับ อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกมลาไสย ในจังหวัดร้อยเอ็ด” ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์กล่าว
ด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวถึงการตรวจสอบยาแก้หวัดสูตร “ซูโดอีเฟดรีน” สารตั้งต้นผลิตยาเสพติด หายจากโรงพยาบาลกมลาไสยมากถึง 3 แสน 5 หมื่นเม็ด ซึ่ง สาธารณสุขจังหวัด ได้เสนอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยกับ 7 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกมลาไสยซึ่งรวมผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยว่า ขณะนี้ได้เซ็นคำสั่งสอบวินัยส่งให้ กระทรวงสาธารณสุข ทำการตั้งกรรมการสอบแล้ว
ทั้งนี้ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวกับความมั่นคงที่เกี่ยวพันหลายฝ่าย เหตุเกิดในหลายจังหวัด ในส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะนำเสนอเพื่อให้ส่วนกลางเข้ามาสอบส่วน ซึ่งทางจังหวัดก็จะให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาซึ่งหากไปเกี่ยวพันกับใครก็จะดำเนินคดีทันที เพราะคดีนี้เป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาลต้องเร่งปราบปรามต้นต่อของยาบ้า