นครปฐม - ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องกรณีฟ้องร้องกรมศิลปากรอนุมัติเทศบาลนครนครปฐมก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครนครปฐม บนพื้นที่โบราณสถานพระราชวังปฐมนคร ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เพื่อทรงบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์
วันนี้ (21 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่บัลลังก์ 9 ชั้น 3 ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ได้มีการพิจารณาตัดสินคดีกรณีที่นายไพบูลย์ พวงสำลี ประธานกลุ่มศรีทวารวดี ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการศึกษา ค้นคว้า อนุรักษ์ และปกป้องพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครปฐม ได้ยื่นฟ้องกรมศิลปากร ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และเทศบาลนครนครปฐม ผู้ถูกฟ้องที่ 2 เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากกรณีที่กรมศิลปากร ได้อนุญาตให้เทศบาลนครนครปฐมก่อสร้างอาคารสำนักงานบนพื้นที่พระราชวังปฐมนคร ที่ตั้งติดถนนเทศา ด้านทิศตะวันออกของ องค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวแต่เดิมเป็นที่ตั้งของพระราชวังปฐมนคร ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงใช้ประทับในคราวเสด็จนมัสกาลและบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งถือว่ากรมศิลปากร และเทศบาลนครนครปฐม ได้อนุญาตการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีมูลค่า 168,000,000 บาท โดยใช้คำสั่งไม่ชอบ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2551
โดยตุลาการศาลปกครองกลาง ได้ตัดสินว่า กรมศิลปากรได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติได้ถูกต้อง และยังมีอำนาจกำหนดเพื่อให้การกำหนดการบริหารจัดการโบราณสถานสามารถลุล่วงวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นอีกด้วย โดยการขุดค้นดังกล่าว พบเพียงรากฐานของพระราชวังปฐมนครที่สภาพชำรุดอันเนื่องมาจากการรื้อถอนตั้งแต่อดีต
ส่วนในกรณีการพิจารณามติทั้งของคณะอนุกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมและคณะกรรมาธิการศาสนา จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นว่ามีลักษณะเป็นการขอความร่วมมือจากกกรมศิลปากรเท่านั้น มิได้มีสภาพบังคับให้กรมศิลปากรต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตุลาการศาลปกครองกลางจึงมีคำพิพากษายกฟ้องของนายไพบูลย์ พวงสำลี ประธานกลุ่มศรีทวารวดี
โดยทางตุลาการศาลปกครองกลาง ได้แจ้ง ผู้ฟ้องว่าสามารถยื่นอุธรคำพิพากษาของศาลปกครองกลางภายใน 30 วันไปยังศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้เทศบาลนครนครปฐม ได้มีการติดป้ายประกาศในการเตรียมสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาล บริเวณถนนทหารบก ซึ่งห่างจากสถานที่ก่อสร้างแห่งเดิมประมาณ 2-3 กิโลเมตรที่มีการฟ้องร้อง บนเนื้อที่ ราว 8 ไร่ ใกล้กับอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา ซึ่งเป็นโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลนครนครปฐมปัจจุบันอีกด้วย
