บุรีรัมย์ - ดีเอสไอ-กองปราบ-ธ.ก.ส.ส่วนกลาง และกรมการค้าภายใน ลุยพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุจริตรับจำนำข้าว ที่บุรีรัมย์ หลังระงับจ่ายเงิน 575 ราย กว่า 84 ล้าน ใน 5 อำเภอ สาวหาตัวผู้กระทำผิด เบื้องต้นพบมีมูลเข้าข่ายกระทำทุจริต เตรียมรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งคณะกรรมการ ระดับประเทศ หากพบใครเกี่ยวข้องพัวพันทุจริตเอาผิดตาม กม.
วันนี้ (20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ร่วมกับตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่วนกลางและชุดสายตรวจพิเศษ กรมการค้าภายใน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 แบบใบประทวน ของรัฐบาลที่ จ.บุรีรัมย์
โดยได้เรียกเกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.หนองกี่ จำนวน 97 ราย ที่ถูกองค์การคลังสินค้า (อคส.) ระงับการออกใบประทวนในโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งผู้ประกอบการโรงสี เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าและผู้แทนเกษตรกร เข้าสอบข้อเท็จจริง หลังตรวจพบความผิดปกติที่ส่อเข้าข่ายทุจริตในการรับจำนำข้าว จนทำให้ถูกสั่งระงับจ่ายเงินให้กับเกษตรกรใน 5 อำเภอ 575 ราย เป็นเงินกว่า 84 ล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้เกษตรกรนำใบชั่งน้ำหนักข้าว ใบรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกร และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ.ก.ส.มาให้ตรวจสอบพร้อมสอบปากคำเกษตรกร เจ้าของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ และเจ้าหน้าที่ อคส.เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเกิดขึ้นในพื้นที่หรือไม่อย่างไร
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบมีข้อมูลต้องสงสัยว่ามีการกระทำทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจริง ส่วนการทุจริตจะอยู่ที่ขั้นตอนไหน ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ จะได้ลงพื้นที่เข้าไปสอบสวนเกษตรกรในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองกี่, นางรอง, ลำปลายมาศ และ อ.หนองหงส์ ที่พบมีความผิดปกติในการนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำ และยังไม่ได้รับใบประทวนจาก อคส. มีทั้งสิ้น 327 ราย ซึ่งคาดว่าผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่สอบสวนชุดดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งให้คณะกรรมการที่กำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับประเทศพิจารณาต่อไป ซึ่งหากพบว่าเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสี หรือเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันในการกระทำทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ก็จะถูกดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป