xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยเบเกอรี่” ปฏิเสธอยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้านประกันหวั่นหนี!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายไพโรจน์ กิตติโรจนเสถียร อายุ 34 ปี  เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.
“เสี่ยเบเกอรี่” เดินทางเข้ามอบตัวต่อ ตร.กองปราบฯ สู้คดีพัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปฏิเสธลั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รับเคยศึกษาและรู้จักนักธุรกิจหลายคนที่ไต้หวัน แถมเลี่ยงตอบประเด็น SMS แจ้งการโอนเงิน โดยอ้างต้องขอดูว่าเป็นข้อความจากใคร ด้าน ตร.คุมตัวสอบอย่างละเอียดพร้อมประสาน ปปง.ร่วมคลี่คลายดคี นอกจากนี้ยังคัดค้านการประกันตัว เกรงหลบหนี

วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม นายไพโรจน์ กิตติโรจนเสถียร อายุ 34 ปี กรรมการบริษัท เนเจอรัล เทส อินโนเวชั่น จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1143/2555 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. หลังก่อเหตุร่วมกับพวกแอบอ้างชื่อ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีอดีตข้าราชสูงอายุรายหนึ่ง ที่หลงเชื่อโอนเงินทางบัญชีธนาคารกว่า 200 ครั้ง สูญเงินไปเฉียด 30 ล้านบาท

นายไพโรจน์กล่าวว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใดโดยตนทำธุรกิจเกี่ยวกับเบเกอรี่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปศึกษาด้านการตลาดที่ไต้หวัน จึงรู้จักกับนักธุรกิจชาวไต้หวันหลายคนและทำธุรกิจมาแล้วหลายประเภทที่นั่น นอกจากนี้ มารดาตนก็เป็นชาวไต้หวัน ส่วนกรณีนายดิลกพัฒน์ รายเรียงวนาขจี ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ บก.ป.จับกุมไปก่อนหน้านี้ ยอมรับว่ารู้จักกันและเท่าที่ทราบนั้น นายไพโรจน์ทำธุรกิจจัดหาแรงงานส่งไปทำงานที่ไต้หวัน แต่ไม่ทราบว่าส่งไปทำงานประเภทไหน

นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่เคยถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ดำเนินคดีในความผิดลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วครั้งหนึ่งนั้น ตนก็ได้ปฏิเสธและเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีดังกล่าว ทั้งนี้ ตนอยากจะฝากว่าชาวไต้หวันที่เข้ามาทำธุรกิจ และเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนดีไม่ได้เข้ามากระทำความผิดอะไรจึงต้องให้ความเป็นธรรมด้วย

ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า คดีนี้คงต้องประสานเจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าร่วมพิจารณาและทำงานร่วมกันด้วย ส่วนการพิจารณาดำเนินคดีนั้นเนื่องจากเป็นความผิดที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกันจึงต้องแยกการดำเนินคดีออกไป โดยส่วนนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่า ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารทั้ง 85 บัญชี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วยหรือไม่ หากพบว่าร่วมกระทำผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธ แต่ทางพนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งนายไพโรจน์ยังต้องชี้แจงในอีกหลายประเด็น นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบบัญชีธนาคารทั้งหมดของนายไพโรจน์ และให้เวลาในการนำหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาของเงินฝากในทุกบัญชี ซึ่งนายไพโรจน์ ยืนยันว่ามีข้อมูลพร้อมชี้แจงได้ ส่วนกรณีที่มีการส่งข้อความ หรือ SMS ผ่านโทรศัพท์มือถือแจ้งการโอนเงินแต่ละครั้ง นายไพโรจน์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามในทันทีโดยอ้างว่าต้องขอดูว่าเป็นข้อความจากผู้ใดจึงจะชี้แจงได้

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงจะหลบหนี และยังต้องสอบสอบปากคำในประเด็นต่างๆ ให้ครบถ้วนเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อความที่ส่งเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือแจ้งการโอนเงินนั้น มีทั้งชื่อ ของผู้ส่งที่เป็นชาวจีนและชาวไทย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนยังต้องตรวจสอบในรายละเอียดและมั่นใจว่าน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะขยายผลติดตามดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.สีหนาทระบุว่ายังมีผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิดอีกหลายรายนอกเหนือจากนายไพโรจน์ พร้อมทั้งได้ทำแผนผังเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของคนร้าย ก่อนจะมีการโอนเงินส่งไปยังประเทศจีนและไต้หวัน ซึ่พบมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นแล้วกว่า 170 ล้านบาท

โฉมหน้านายไพโรจน์ กิตติโรจนเสถียร เสี่ยเบเกอรี่ ที่พัวพันคดีแก๊งคลอเซ็นเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น