xs
xsm
sm
md
lg

ป.ตั้งทีมไล่ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างชื่อ ปปง.ตุ๋นเหยื่อ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งต่อป.ป.ง.
ตำรวจกองปราบปราม เร่งขยายผลตั้งชุดไล่ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกอดีตข้าราชการหญิง โดยอ้างชื่อเลขาธิการ ปปง.ไปกว่า 26 ล้านบาท


วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวถึงคดีอดีตข้าราชการหญิง อายุกว่า 60 ปี เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างชื่อของ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หลอกให้โอนเกือบ 30 ล้านบาท ว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ภายหลัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.ทราบเรื่องแล้ว ได้กำชับให้ทาง บก.ป.เร่งติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว ซึ่งหลังจากผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ ในเบื้องต้นได้มีการสอบสวนในประเด็นต่างๆ พร้อมทั้งนัดหมายเจ้าหน้าที่ ปปง.เพื่อสอบปากคำด้วย

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะนัดหมายผู้แทนธนาคารต่างๆ เข้าให้ข้อมูลในประเด็นการทำธุรกรรมของผู้เสียหายผ่านบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่าได้ใช้โอนเงินไปถึง 287 ครั้งๆ ละ 2-3 แสนบาท นอกจากนี้ ก็จะตรวจสอบชื่อของผู้ที่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารกว่า 80 บัญชี ว่า ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคนร้ายอย่างไร และยังมีบุคคลใดร่วมกระทำความผิดอีกหรือไม่ เพื่อเร่งสืบสวนติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดี

ด้าน พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป.กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว แต่อาจจะต้องเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรอข้อมูลการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางธนาคาร ของผู้เสียหายจากทาง ปปง.เสียก่อนว่ามีการโอนเงินที่ใด และกดเงินออกจากบัญชีไปจากตู้เอทีเอ็มที่ใด เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็จะนำข้อมูลประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารนั้นได้มีการเร่งตรวจสอบชื่อและนามสกุล จริงแล้ว เมื่อมีความชัดเจนก็จะส่งชุดสืบสวนกระจายกันลงพื้นที่เฝ้าติดตามตัวในทันที และหากพยานหลักฐานมีความชัดเจนก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาต่อไป โดยเบื้องต้นพบว่าเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแอบอ้างเป็นบุคคล อื่น ซึ่งกรณีดังกล่าวยังเข้าข่ายมูลฐานความผิดที่ ปปง.สามารถติดตามยึดทรัพย์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้อีกด้วย

พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีการโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารโดยมีการ แอบอ้างหน่วยงานอย่าง ปปง.หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตนทราบว่าทางหน่วยงานต่างๆ เหล่านี้มีการตรวจสอบข้อมูลกับทางธนาคารมาตลอด โดยเฉพาะทาง ปปง.มีอำนาจที่จะสามารถตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารได้

“ในส่วนของผู้เสียหายรายนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดว่าคนร้าย เจาะจงที่จะเลือกเพราะทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายหรือไม่ หรือเป็นเพียงการสุ่มเลือกตามวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พบอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ ก็ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นแก๊งคนร้ายชาวไต้หวัน ตามที่เคยพบข้อมูลก่อนหน้านี้หรือไม่” พ.ต.อ.ปิยะ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น