xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์โอดครวญ! ไม่คิดว่าจะโดน-ชี้คนร้ายใช้จิตวิทยาสูง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางกัลยา นามสมมุติ อายุ 68 ปี ข้าราชการบำนาญ เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่แบงก์ และ ปปง.ใช้จิตวิทยาสูงโทร.หลอกเหยื่อข้าราชการบำนาญวัย 68 ปี โอนเงิน 269 ครั้ง สูญกว่า 26 ล้านบาท อ้างเหยื่อเป็นหนี้บัตรเครดิต และพัวพันค้ายาเสพติด บอกถ้าโอนเงินมากจะได้โล่ชื่นชม เป็นการช่วยประเทศชาติจับคนร้ายค้ายา ด้านเหยื่อยกเหตุการณ์ที่ถูกหลอกเป็นอุทาหรณ์ เตือนคนอื่นอย่าโดนซ้ำ ขณะที่ ปปง.สั่งอายัดบัญชีทั้ง 75 บัญชีที่คนร้ายให้เหยื่อโอน เร่งหาหลักฐานออกหมายจับเจ้าของบัญชีทั้งหมด


วันนี้ (10 ม.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นางกัลยา (นามสมมติ) อายุ 68 ปี ข้าราชการบำนาญ เข้าพบ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ ปปง.ให้ปากคำ หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.โทรศัพท์หลอกให้โอนเงินผ่านตู้ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ 75 บัญชี จำนวน 269 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 26,750,185 บาท เหตุเกิดระหว่างวันที่ 21 ธ.ค.54-4 ม.ค.55 โดยหลอกว่า มีชื่ออยู่ในบัญชีเครือข่ายฟอกเงินของแก๊งยาเสพติด ต้องโอนเงินนำไปตรวจสอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย

นางกัลยา (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 68 ปี ที่ใส่หมวกปกปิดใบหน้ากล่าวลำดับเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันพุธที่ 21 ธ.ค.2554 เวลาประมาณ 09.00 น.ตนได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย ว่า ตนเป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง แต่ตนเอะใจว่า ปกติบัตรเครดิตของตนจะตัดรอบบัญชีทุกวันที่ 19 ของเดือน และตนได้จ่ายเงินค่าบัตรเครดิตเงินเข้าบัญชีแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.โดยคนร้ายคนแรกได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า หากมีปัญหาให้โทร.ไปสอบถามตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้ ตนจึงโทรศัพท์ไปซักถาม พร้อมชี้แจงว่า ปกติธนาคารกสิกรไทย จะส่งสเตทเมนท์การใช้บัตรเครดิตมาที่บ้าน อีกทั้งตนได้จ่ายเงินค่าบัตรเครดิตไปแล้วตั้งวันที่ 19 ธ.ค.ทำไมวันที่ 21 ธ.ค.จึงมีการทวงถามจากธนาคารอีก และยอดเงินต่างกันด้วย คนร้ายจึงโอนสายไปให้อีกคนคุย โดยอ้างว่า เป็นตำรวจยศ ร.ต.อ.บอกว่า มีคนเอาชื่อตนมาเปิดบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย สาขาพระราม 3 ตนจึงแย้งว่า บ้านตนอยู่คนละโซน ไม่ได้ไปทำบัตร

ผู้เสียหายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล่าวอีกว่า คนร้ายยังบอกว่า มีการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าไปแล้ว 2 รายการ รวม 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งคนร้ายยังถามต่อว่า รู้จักคนที่ชื่อ สุจิตรา หรือไม่ โดยตนบอกว่า ไม่รู้จัก ทำไมเหรอ คนร้ายจึงบอกว่าผู้หญิงที่ชื่อ สุจิตรา ถูกจับที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเมื่อปี 2553 เดิมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย แต่ถูกไล่ออก เพราะเอาความลับของธนาคารไปขาย ก่อนผันมาเป็นผู้ค้ายาเสพติดจนถูกจับได้ และบังเอิญมีชื่อตนอยู่ในบัญชีฟอกเงิน ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ตกใจกลัวมาก และบอกว่า จะมีคนมาช่วยให้คุยกับอีกสายโดยเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของสำนักงาน ปปง.โดยคนในสายแอบอ้างว่า เป็น พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาฯ ปปง.บอกว่า จะช่วยตนขอให้ความร่วมมือและเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งก่อนซักถามว่า มีสมุดบัญชีธนาคารที่ไหนบ้าง โดยตนบอกว่า จะฝากเงินที่สหกรณ์ ซึ่งคนร้ายที่พยายามถามว่ามีสมุดเงินฝากกี่เล่ม ยอดเงินจำนวนเท่าไหร่ โดยพยายามให้ตนไปถอนเงินจากสหกรณ์ เพื่อนำไปฝากแบงก์ เพื่อเคลียร์บัญชีฟอกเงินให้

เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล่าวต่อว่า ได้พยายามถามว่า ทำไมต้องทำอย่างนี้ ซึ่งคนร้ายอ้างว่า รู้ไหมรัฐบาลไทยได้ผลิตแบงก์พันปลอมมาถึง 2-3 ล้านฉบับ เพื่อมาล่อซื้อยาบ้า จึงต้องมาตรวจสอบ ตนจึงหลงเชื่อว่า เป็นกระบวนที่รัฐจะตรวจสอบทุกวัน ระหว่างวันที่ 21 ธ.ค.54 - 4 ม.ค.55 คนร้ายจะมีคำสั่งให้ตนเอาเงินไปโอนบัญชีของธนาคารกรุงเทพ ผ่านเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ ที่คนร้ายให้มาโดยมีชื่อเจ้าของบัญชีชัดเจน ทั้งชายหญิง ซึ่งตนได้ใช้เครื่องฝากเงินอัตโนมัติแถวบ้าน พร้อมกำชับห้ามนำเงินไปฝากที่แบงก์อื่น นอกจากนี้ ตนไม่ทราบว่าโทรศัพท์มือถือของตนในช่วงนั้น ทำไมไม่สามารถโทรศัพท์ออกไปไหนได้ ซึ่งทำให้ติดต่อญาติเพื่อปรึกษาไม่ได้ เพราะตนอยู่บ้านคนเดียว โดยทุกวันที่คนร้ายให้ไปโอนเงินจะให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของคนร้ายไว้ โดยโทรศัพท์กำกับทุกขั้นตอน ซึ่งตนพยายามบอกว่า หอบเงินไปจำนวนมากเป็นอันตราย โดยคนร้ายบอกว่าไม่ต้องกลัว มีตำรวจนอกเครื่องแบบตามอารักขาอยู่ห่างๆ ซึ่งทำให้ตนตายใจ โดยหลังจากนั้น บอกว่า ตนเป็นคนที่ช่วยเหลือประเทศชาติในการจับกุมคนร้าย โดยบอกว่า จับคนร้ายได้พร้อมยาบ้าและเงินในบัญชี จะให้โล่ชื่นชม ทำให้ตนรู้สึกว่า ได้ช่วยประเทศชาติ

เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยได้ยินข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงขอให้เป็นอุทาหรณ์ และไม่คิดว่าตัวเองจะโดน ซึ่งคนร้ายใช้เทคโนโลยีและจิตวิทยาสูงมาก พูดจาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทุกอย่าง โดยสิ่งที่เชื่อกระบวนการของคนร้ายเหมือนอยู่ในออฟฟิศ อ้างผู้ใหญ่ อ้างธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ทุกครั้งหลังโอนเงินและได้สลิปคนร้ายบอกว่า เป็นรหัสของแบงก์ชาติ ให้ฉีกทิ้ง แต่ตนเก็บไว้จนนำมาเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ ปปง.ส่วนบัญชีธนาคารพาณิชย์ของตน ก็มีเกือบทุกแห่ง ส่วนใหญ่เปิดไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต แต่เงินจะเก็บไว้ในสหกรณ์เป็นหลัก ซึ่งสิ่งที่ตนกลัวที่สุดจนถูกหลอ กคือ ตกอยู่ในบัญชีผู้ฟอกเงิน จนสูญเงินที่เก็บสะสมมาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ยังสาว

ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายมาพบตนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อขอเงินคืน จากการสอบปากคำจนมั่นใจว่า ผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง จึงรีบประสานธนาคารกรุงเทพ เพื่ออายัดเงินในบัญชีเครือข่ายของคนร้ายที่ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้า 75 บัญชี จำนวน 269 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 26,750,185 บาท ทันที โดยตู้ฝากเงินอัตโนมัติสามารถรับฝากเงินได้ครั้งละ 1 แสนบาท ทำให้ผู้เสียหายต้องฝากกว่าสองร้อยครั้ง ซึ่งวันแรกพบว่า ผู้เสียหายโอนเงินให้คนร้ายวันเดียว 3 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ธนาคารต้องตรวจสอบผู้ที่มาเปิดบัญชี โดยต้องรายงานการทำธุรกรรมต้องสงสัย ซึ่งตนจะให้ชี้แจงว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะตรวจสอบกับธนาคาร ว่า ทำไมคนร้ายถึงรู้ข้อมูลของผู้เสียหาย

รักษาการเลขา ปปง.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะประสานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า เหตุใดโทรศัพท์ผู้เสียหายโทร.ออกไปหาคนอื่นไม่ได้ และทำไมคนร้ายสวมหมายเลขโทรศัพท์ของ ปปง.โทร.ไปหาผู้เสียหายได้

ส่วนแนวทางการสอบสวนได้นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.เพื่อร่วมกันสืบสวนสอบสวนติดตามจับตัวแก๊งคนร้าย ส่วนการติดตามเงินของผู้เสียหายคืน ตนได้สั่งอายัดบัญชีธนาคารของคนร้ายทั้ง 75 บัญชี ซึ่งเป็นต่างบุคคลกระจายอยู่ทั่วประเทศ เบื้องต้นพบว่า บางบัญชีมีเงินเหลือศูนย์บาท บางบัญชีเหลือ 6 หมื่นบาท หรือ 9 หมื่นบาท โดยมียอดเงินเหลือในบัญชีรวมทั้งหมดประมาณ 9 แสนบาท หลังผู้เสียหายโอนเงินคนร้ายก็กดเงินออกไปกระจายทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นแก๊งคนร้ายที่กว้างขวางมาก โดยจะพยายามติดตามยึดอายัดทรัพย์กลับมาคืนให้ผู้เสียหาย นอกจากนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเจ้าของบัญชีธนาคารทั้ง 75 คน ที่ให้ความร่วมมือกับคนร้ายในการเปิดบัญชี ส่วนข้อหาจะหารือกับตำรวจกองปราบปรามอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น