ปปง.เผยจะเร่งตรวจสอบบัญชีรับโอนเงิน เพื่อดำเนินคดีเจ้าของทุกบัญชี หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นตำรวจระดับสูง ปปง. และเจ้าหน้าที่แบงก์โทร.หลอกหญิงวัยเกีษยณอายุราชการ อ้างเป็นหนี้บัตรเครดิต และมีส่วนพัวพันค้ายาเสพติด จนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ 269 ครั้ง สูญเสียกว่า 26 ล้านบาท ขณะที่เหยื่ออ้างพยายามโทร.ติดต่อญาติ เพื่อปรึกษาแต่สัญญาณถูกบล็อคโทรออกไม่ได้
วันนี้ (10 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แถลงถึงกรณีที่มีหญิงเกษียณอายุราชการได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน โดยแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวได้แอบอ้างชื่อของ พ.ต.อ.สีหนาท และหน่วยงาน ปปง. ซึ่งทำให้หญิงคนดังกล่าวหลงเชื่อจนโอนเงินไปให้ รวมมูลค่า 26,750,185 บาท
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหญิงคนดังกล่าวเดินทางมาขอพบหลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทยโทรศัพท์แจ้งยอดหนี้บัตรเครดิตที่หญิงคนดังกล่าวใช้ พร้อมกันนี้ยังมีเพื่อนร่วมแก๊งปลอมเสียงโทร.มาหาหญิงคนดังกล่าว โดยแอบอ้างตัวเองว่าเป็น ร.ต.อ.ธเนศ จากนั้นได้หลอกลวงหญิงคนดังกล่าวว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพติดทางภาคเหนือ เนื่องจากอดีตพนักงานธนาคารกสิกรไทยแอบอ้างเอาข้อมูลไปใช้ พร้อมขู่ให้เหยื่อตกใจกลัวว่าจะออกหมายจับฐานกระทำความผิดร่วมกัน
ขณะเดียวกัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังได้ให้เพื่อนร่วมแก๊งปลอมเสียงโทรศัพท์อ้างตัวว่าเป็น พ.ต.อ.สีหนาท และได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีในบัญชีทั้งหมดเข้าบัญชีธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทำการตรวจสอบมิเช่นนั้นจะถูกอายัดเงินทั้งหมด ซึ่งทำให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินสดทางเครื่องรับฝากเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (CDM) ให้คนร้ายจำนวน 75 บัญชี รวมจำนวน 269 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.54 - 4 ม.ค.55 รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 26,750,185 บาท
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่าแก๊งคนร้ายเหล่านี้ทำเป็นขบวนการข้ามชาติ โดยแบ่งทีมปลอมเสียงอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ จากนั้นได้โทรศัพท์หลอกล่วงเหยื่อขณะอยู่คนเดียว โดยจะใช้วิธีการต่างๆ นานาจนเหยื่อหลงเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เหยื่อรายนี้ได้เล่าว่าขณะที่แก๊งคนร้ายโทร.เข้ามาหาเหยื่่อนั้น เหยื่อได้พยายามโทรติดต่อญาติเพื่อจะปรึกษา แต่เครื่องโทรศัพท์ของเหยื่อกลับไม่สามารถโทรออกได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกบล็อกสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งในเรื่องนี้จะประสานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อสอบถามว่าแก๊งคนร้ายสามารถดำเนินการลักษณะเช่นนี้ได้หรือไม่ พร้อมจะหาแนวทางแก้ไข
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า ส่วนบัญชีที่เหยื่อโอนเข้า โดยคนร้ายเปิดรับโอนเงินจำนวนทั้งหมด จะต้องมีการตรวจสอบทุกบัญชี พร้อมทั้งจะดำเนินคดีต่อเจ้าของบัญชีทุกบัญชี รวมทั้งหารือกับธนาคารต้นทางบัญชีที่ปกติต้องมีการตรวจสอบบัญชีที่มีความผิดปกติเหล่านี้ และแจ้งให้ทาง ปปง.ทราบ เพราะหากไม่ดำเนินการตรวจสอบก็จะถือว่ามีความผิดด้วย
เร่งสรุปเส้นทางเงินปล้นบ้านทรัพย์ล้อม
นอกจากนี้ พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวน เพื่อหาที่มาเงินจำนวน 18.1 ล้านบาทที่ยึดคืนมาได้จากแก๊งคนร้ายที่ปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมว่า ขณะนี้ทาง ปปง.กำลังดำเนินการสรุปที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาธุรกรรม ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.นี้
ส่วนการเรียกบริษัทก่อสร้างที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนนี้มาสอบปากคำนั้น พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ต้องรอมติในการประชุมก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ว่าจะต้องเรียกใครมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีก
วันนี้ (10 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แถลงถึงกรณีที่มีหญิงเกษียณอายุราชการได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน โดยแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวได้แอบอ้างชื่อของ พ.ต.อ.สีหนาท และหน่วยงาน ปปง. ซึ่งทำให้หญิงคนดังกล่าวหลงเชื่อจนโอนเงินไปให้ รวมมูลค่า 26,750,185 บาท
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหญิงคนดังกล่าวเดินทางมาขอพบหลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทยโทรศัพท์แจ้งยอดหนี้บัตรเครดิตที่หญิงคนดังกล่าวใช้ พร้อมกันนี้ยังมีเพื่อนร่วมแก๊งปลอมเสียงโทร.มาหาหญิงคนดังกล่าว โดยแอบอ้างตัวเองว่าเป็น ร.ต.อ.ธเนศ จากนั้นได้หลอกลวงหญิงคนดังกล่าวว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพติดทางภาคเหนือ เนื่องจากอดีตพนักงานธนาคารกสิกรไทยแอบอ้างเอาข้อมูลไปใช้ พร้อมขู่ให้เหยื่อตกใจกลัวว่าจะออกหมายจับฐานกระทำความผิดร่วมกัน
ขณะเดียวกัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังได้ให้เพื่อนร่วมแก๊งปลอมเสียงโทรศัพท์อ้างตัวว่าเป็น พ.ต.อ.สีหนาท และได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีในบัญชีทั้งหมดเข้าบัญชีธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทำการตรวจสอบมิเช่นนั้นจะถูกอายัดเงินทั้งหมด ซึ่งทำให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินสดทางเครื่องรับฝากเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (CDM) ให้คนร้ายจำนวน 75 บัญชี รวมจำนวน 269 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.54 - 4 ม.ค.55 รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 26,750,185 บาท
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่าแก๊งคนร้ายเหล่านี้ทำเป็นขบวนการข้ามชาติ โดยแบ่งทีมปลอมเสียงอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ จากนั้นได้โทรศัพท์หลอกล่วงเหยื่อขณะอยู่คนเดียว โดยจะใช้วิธีการต่างๆ นานาจนเหยื่อหลงเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เหยื่อรายนี้ได้เล่าว่าขณะที่แก๊งคนร้ายโทร.เข้ามาหาเหยื่่อนั้น เหยื่อได้พยายามโทรติดต่อญาติเพื่อจะปรึกษา แต่เครื่องโทรศัพท์ของเหยื่อกลับไม่สามารถโทรออกได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกบล็อกสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งในเรื่องนี้จะประสานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อสอบถามว่าแก๊งคนร้ายสามารถดำเนินการลักษณะเช่นนี้ได้หรือไม่ พร้อมจะหาแนวทางแก้ไข
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า ส่วนบัญชีที่เหยื่อโอนเข้า โดยคนร้ายเปิดรับโอนเงินจำนวนทั้งหมด จะต้องมีการตรวจสอบทุกบัญชี พร้อมทั้งจะดำเนินคดีต่อเจ้าของบัญชีทุกบัญชี รวมทั้งหารือกับธนาคารต้นทางบัญชีที่ปกติต้องมีการตรวจสอบบัญชีที่มีความผิดปกติเหล่านี้ และแจ้งให้ทาง ปปง.ทราบ เพราะหากไม่ดำเนินการตรวจสอบก็จะถือว่ามีความผิดด้วย
เร่งสรุปเส้นทางเงินปล้นบ้านทรัพย์ล้อม
นอกจากนี้ พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวน เพื่อหาที่มาเงินจำนวน 18.1 ล้านบาทที่ยึดคืนมาได้จากแก๊งคนร้ายที่ปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมว่า ขณะนี้ทาง ปปง.กำลังดำเนินการสรุปที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาธุรกรรม ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ม.ค.นี้
ส่วนการเรียกบริษัทก่อสร้างที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนนี้มาสอบปากคำนั้น พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ต้องรอมติในการประชุมก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ว่าจะต้องเรียกใครมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีก