กมธ.ปปง.สภาฯ สอบคดีปล้นบ้านปลัดพันล้าน เผยข่าวซีฟบอก หน.แก๊งหนีเข้าจีนแล้ว คาดทวงเงินค้าไม้ ด้าน รอง ผบก.น.4 แจงคนร้ายลงมือเหตุเชื่อเจ้าทุกข์ไม่กล้าแจ้งความ ยันไม่หนักใจทำคดี โยน ป.ป.ช.-ปปง.สอบที่มาของเงิน ด้าน กมธ.ฝั่งเพื่อไทยบี้ถามเอี่ยวนักการเมืองหรือไม่
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้เชิญ พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รอง ผบก.น.4) เข้าร่วมชี้แจง เพื่อพิจารณาติดตามความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุมส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าคนร้ายทราบว่าภายในบ้านมีเงินอยู่เป็นจำนวนมาก หรือมีผู้สั่งการให้มาปล้น รวมทั้งประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ คือที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว และหากเงินทั้งหมดไม่ใช่เงินของนายสุพจน์จริง รูปคดีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
โดย พ.อ.ชินรัชต์ รัตนจิตเกษม เลขานุการประจำ กมธ.ได้เปิดเผยว่า จากข้อมูลแหล่งข่าวของตนบอกมาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุที่นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือนายโก้ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีคดี และเชื่อว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง มาทวงเงินที่ขัดผลประโยชน์ค้าไม้ที่เตรียมจะนำไปให้เสี่ยคนหนึ่ง รวมถึงข้อมูลรายงานล่าสุดยังเปิดเผยอีกว่าขณะนี้นายโก้ไม่ได้อยู่ที่ประเทศลาวแล้ว แต่หลบหนีเข้าไปในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นที่เรียบร้อย
จากนั้น พ.ต.อ.สาโรชเปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนคนร้ายให้การว่า ได้รับข้อมูลจากบุคคลหนึ่งว่าบ้านหลังดังกล่าวมีเงินอยู่จำนวนมาก และเชื่อว่าหากก่อเหตุแล้วผู้เสียหายจะไม่กล้าแจ้งความ นอกจากนี้ ผู้ต้องหาก่อได้มีความพยายามที่จะก่อเหตุมาหลายครั้งแล้ว จนกระทั่งนำมาสู่การก่อเหตุที่เกิดขึ้น เพราะคนร้ายเชื่อว่าก่อเหตุแล้วจะไม่ติดคุก รวมถึงในส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการก่อเหตุ จากการสอบสวนก็ทราบว่าคนร้ายได้ใช้เวลาพอสมควร ประมาณ 10 นาที เพื่อไม่ให้คนงานในบ้านพบเห็น เนื่องจากในวันที่ก่อเหตุคนงานได้รับประทานอาหารอยู่ที่บริเวณหลังบ้าน อีกทั้งสุนัขภายในบ้านก็มีการส่งเสียงเห่า จึงทำให้นายโก้ต้องอ้อมไปเข้าทางประตูด้านหน้า ซึ่งถูกคนงานตามไป แต่คนร้ายก็พยายามผลักดันประตูไว้ ทำให้นายโก้ได้ใช้เชือกมัดตัวคนงานไว้ และบังคับให้แม่บ้านนำกุญแจไปไขที่ห้องนอนของนายสุพจน์ ก่อนจะรื้อค้นจนพบกระเป๋าที่ใส่เงินจำนวนดังกล่าว โดยใช้คัตเตอร์กรีดแล้วนำเงินที่ได้ใส่กระเป๋าที่เตรียมมาจำนวนมากพอสมควรแล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.สาโรชกล่าวอีกว่า ในเรื่องที่มาก็ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง เพราะทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการสอบสวนที่ลงรายละเอียดไปถึงขั้นนั้น แต่ทราบว่าขณะนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่อย่างทุ่มเทในการหาข้อเท็จจริง และพยายามที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งก็ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ป.ป.ช.และ ปปง.มาเข้าร่วมในกระบวนการสืบสวนสอบสวนครั้งนี้ด้วย เนื่องด้วยข้อจำกัดหน้าที่และความชำนาญ
ขณะที่ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ในฐานะรองประธาน กมธ. ได้ถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกนายสุพจน์มาสอบคดีเพิ่มเติม ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ว่าเหตุใดเพิ่งจะมีการเรียกตัว เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานแล้ว เรื่องนี้ พ.ต.อ.สาโรชชี้แจงว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการพยายามประสานนายสุพจน์เข้าชี้แจง ซึ่งเบื้องต้นก็ได้นัดในวันที่ 30 พ.ย. แต่ผู้เสียหายยังไม่พร้อมจึงส่งให้ฝ่ายกฎหมายมาแจ้งขอเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้า โดยขอย้ำว่าถึงอย่างไร นายสุพจน์ก็จะต้องมาให้ปากคำอย่างแน่นอน เพื่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ทั้งนี้ ตนคงไม่หนักใจทำตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ดังนั้น สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด คือ การหาพยานหลักฐาน เพื่อนำมาใช้ในเรื่องคดีสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี ในฐานะรองประธาน กมธ. ได้สอบถามถึงว่า เรื่องนี้จะสามารถเกี่ยวโยงไปถึงคนที่ จ.บุรีรัมย์ได้หรือไม่ ซึ่ง พ.ต.อ.สาโรชไม่ได้ตอบเรื่องนี้แต่อย่างใด ทำให้นายศรัณย์วุฒิกล่าวเสริมอีกว่า คดีนี้มีความเชื่อโยงกับนักการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.สาโรชจึงยอมชี้แจงว่า ยังไม่ได้สืบสวนถึงขั้นนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง ปปง.และ ป.ป.ช.กำลังทำหน้าที่อยู่ โดยกระบวนการสืบสวนของตำรวจยังไม่ได้ลงรายละเอียดเชิงลึกถึงขั้นนั้น ทั้งนี้ยังคงต้องรอผลการสืบสวนจาก 2 หน่วยงานอีกครั้ง
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้เชิญ พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รอง ผบก.น.4) เข้าร่วมชี้แจง เพื่อพิจารณาติดตามความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุมส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าคนร้ายทราบว่าภายในบ้านมีเงินอยู่เป็นจำนวนมาก หรือมีผู้สั่งการให้มาปล้น รวมทั้งประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ คือที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว และหากเงินทั้งหมดไม่ใช่เงินของนายสุพจน์จริง รูปคดีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
โดย พ.อ.ชินรัชต์ รัตนจิตเกษม เลขานุการประจำ กมธ.ได้เปิดเผยว่า จากข้อมูลแหล่งข่าวของตนบอกมาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุที่นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือนายโก้ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีคดี และเชื่อว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง มาทวงเงินที่ขัดผลประโยชน์ค้าไม้ที่เตรียมจะนำไปให้เสี่ยคนหนึ่ง รวมถึงข้อมูลรายงานล่าสุดยังเปิดเผยอีกว่าขณะนี้นายโก้ไม่ได้อยู่ที่ประเทศลาวแล้ว แต่หลบหนีเข้าไปในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นที่เรียบร้อย
จากนั้น พ.ต.อ.สาโรชเปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนคนร้ายให้การว่า ได้รับข้อมูลจากบุคคลหนึ่งว่าบ้านหลังดังกล่าวมีเงินอยู่จำนวนมาก และเชื่อว่าหากก่อเหตุแล้วผู้เสียหายจะไม่กล้าแจ้งความ นอกจากนี้ ผู้ต้องหาก่อได้มีความพยายามที่จะก่อเหตุมาหลายครั้งแล้ว จนกระทั่งนำมาสู่การก่อเหตุที่เกิดขึ้น เพราะคนร้ายเชื่อว่าก่อเหตุแล้วจะไม่ติดคุก รวมถึงในส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการก่อเหตุ จากการสอบสวนก็ทราบว่าคนร้ายได้ใช้เวลาพอสมควร ประมาณ 10 นาที เพื่อไม่ให้คนงานในบ้านพบเห็น เนื่องจากในวันที่ก่อเหตุคนงานได้รับประทานอาหารอยู่ที่บริเวณหลังบ้าน อีกทั้งสุนัขภายในบ้านก็มีการส่งเสียงเห่า จึงทำให้นายโก้ต้องอ้อมไปเข้าทางประตูด้านหน้า ซึ่งถูกคนงานตามไป แต่คนร้ายก็พยายามผลักดันประตูไว้ ทำให้นายโก้ได้ใช้เชือกมัดตัวคนงานไว้ และบังคับให้แม่บ้านนำกุญแจไปไขที่ห้องนอนของนายสุพจน์ ก่อนจะรื้อค้นจนพบกระเป๋าที่ใส่เงินจำนวนดังกล่าว โดยใช้คัตเตอร์กรีดแล้วนำเงินที่ได้ใส่กระเป๋าที่เตรียมมาจำนวนมากพอสมควรแล้วหลบหนีไป
พ.ต.อ.สาโรชกล่าวอีกว่า ในเรื่องที่มาก็ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง เพราะทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการสอบสวนที่ลงรายละเอียดไปถึงขั้นนั้น แต่ทราบว่าขณะนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่อย่างทุ่มเทในการหาข้อเท็จจริง และพยายามที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งก็ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ป.ป.ช.และ ปปง.มาเข้าร่วมในกระบวนการสืบสวนสอบสวนครั้งนี้ด้วย เนื่องด้วยข้อจำกัดหน้าที่และความชำนาญ
ขณะที่ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ในฐานะรองประธาน กมธ. ได้ถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกนายสุพจน์มาสอบคดีเพิ่มเติม ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ว่าเหตุใดเพิ่งจะมีการเรียกตัว เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานแล้ว เรื่องนี้ พ.ต.อ.สาโรชชี้แจงว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการพยายามประสานนายสุพจน์เข้าชี้แจง ซึ่งเบื้องต้นก็ได้นัดในวันที่ 30 พ.ย. แต่ผู้เสียหายยังไม่พร้อมจึงส่งให้ฝ่ายกฎหมายมาแจ้งขอเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้า โดยขอย้ำว่าถึงอย่างไร นายสุพจน์ก็จะต้องมาให้ปากคำอย่างแน่นอน เพื่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ทั้งนี้ ตนคงไม่หนักใจทำตามอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ดังนั้น สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด คือ การหาพยานหลักฐาน เพื่อนำมาใช้ในเรื่องคดีสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี ในฐานะรองประธาน กมธ. ได้สอบถามถึงว่า เรื่องนี้จะสามารถเกี่ยวโยงไปถึงคนที่ จ.บุรีรัมย์ได้หรือไม่ ซึ่ง พ.ต.อ.สาโรชไม่ได้ตอบเรื่องนี้แต่อย่างใด ทำให้นายศรัณย์วุฒิกล่าวเสริมอีกว่า คดีนี้มีความเชื่อโยงกับนักการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.สาโรชจึงยอมชี้แจงว่า ยังไม่ได้สืบสวนถึงขั้นนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง ปปง.และ ป.ป.ช.กำลังทำหน้าที่อยู่ โดยกระบวนการสืบสวนของตำรวจยังไม่ได้ลงรายละเอียดเชิงลึกถึงขั้นนั้น ทั้งนี้ยังคงต้องรอผลการสืบสวนจาก 2 หน่วยงานอีกครั้ง