ผบช.น.เผยภาค 4 สอบปากคำพยานเห็น “ไอ้โก้” หนีไปลาวเพิ่มอีก 1 ปาก ยอมรับประสานจับกุมร่วมกับลาวมีอุปสรรคในระเบียบปฏิบัติ จึงยังไม่ชัดจุดที่ผู้ต้องหาหลบซ่อนตัว ชี้ยังไม่ทราบแน่ชัดมีคนส่งเงินและจ้างชุดคุ้มกันดูแล “โก้” ในลาว ย้ำหนีไปจีนและพี่ชายพาหนีเป็นแค่ข่าวลือ ยันผู้ต้องหาคดีลักษณะนี้หากมีชุดคุ้มกันรัดกุมส่วนใหญ่จะยินยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวโดยง่ายไม่มีปัญหา ขณะที่ ตร.พร้อมสอบ “สุพจน์” 7 ธ.ค. หาที่มาที่ไปของจำนวนเงินหายไป
วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่บ้านพักย่านลาดพร้าวซอย 64 ว่า จากกระแสข่าวที่ว่านายวีระศักดิ์ได้หลบหนีไปประเทศจีนนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องที่พูดกันไปเอง ไม่มีหลักฐานยืนยัน ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่พร้อมรายงานความคืบหน้ามาทุกวัน โดยมีการพูดคุยกับตนวันละ 3-4 ครั้ง ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.4 ได้นำตัวพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติม 1 คน ที่เคยเห็นนายวีระศักดิ์ เดินทางไปเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่จังหวัดอุดรธานี ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ปกรณ์ได้ประสานงานกับ พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบช.ภ.4 อยู่ตลอดเวลา
พล.ต.ท.วินัยกล่าวด้วยว่า ต้องขอขอบคุณ ผบช.ภ.4 ที่ตั้งรางวัลนำจับนายวีระศักดิ์ด้วย ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับกุมตัวนายวีระศักดิ์ไม่ได้นั้น เนื่องจากบางครั้งพบอุปสรรคปัญหาในเรื่องของการประสานกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งความสะดวกจะต่างจากการประสานงานกับหน่วยงานในประเทศไทย หรือเรียกง่ายๆ ว่า การไปอยู่ต่างถิ่นนั้นมีเรื่องของระเบียบการปฏิบัติต่างๆ ของประเทศนั้นๆ และความคุ้นเคยที่ต่างจากประเทศไทยจนกลายเป็นอุปสรรคในการทำงาน แต่ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ
พล.ต.ท.วินัยกล่าวต่อว่า ปัญหาที่ตำรวจเจอคือ ยังไม่สามารถระบุสถานที่ได้ว่านายวีระศักดิ์อยู่จุดใด แต่ทางเราได้พยายามอยู่อยากจับตัวให้ได้เร็วๆ เช่นกัน ซึ่งไม่ใช่นครบาลต้องการได้ตัวนายวีระศักดิ์เพียงอย่างเดียว ทางด้านตำรวจภูธรภาค 4 ก็ต้องการจับกุมนายวีระศักดิ์ให้ได้เหมือนกัน
ส่วนกระแสข่าวว่าระหว่างนายวีระศักดิ์กำลังหลบหนีและมีคนส่งเงินให้ใช้จ่ายในการหลบหนี และมีการจ้างคนในพื้นที่เป็นชุดคุ้มกันดูแลนั้น พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ชัด จากการสอบสวนญาติและเพื่อนๆ ของนายวีระศักดิ์ในสถานที่ต่างๆ นั้น ไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลเท่าเท่าใดนัก โดยขณะนี้มีแต่ข่าวลือต่างๆ นานาว่ามีผู้มีอิทธิพลคอยดูแลบ้าง ซึ่งมีข่าวว่าหนีไปอยู่ประเทศจีนบ้าง และมีข่าวว่ามีพี่ชายซึ่งทำโรงไม้อยู่ในลาวเป็นคนพาหนีบ้าง ส่วนใหญ่มีแต่ข่าวลือกันไปเอง แต่พอเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบ
ต่อข้อถามที่ว่า เมื่อนายวีระศักดิ์มีชุดคุ้มกันรัดกุมแบบนี้แสดงว่าจะไม่ยอมให้ตำรวจจับกุมตัวอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ผู้ต้องหาคดีลักษณะนี้ส่วนใหญ่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมจะยอมให้จับแต่โดยดีไม่มีปัญหา ซึ่งตอนนี้เราควรเอาข้อเท็จจริงมาคุยกันดีกว่าอย่าถามเลยว่าถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าตนอยากได้ตัวนายวีระศักดิ์หรือไม่ ตนอยากได้โดยเร็วที่สุด
สำหรับการเดินทางมาให้ปากคำของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้เสียหายนั้น พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า นายสุพจน์ยังคงยืนยันว่าจะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนวันที่ 7 ธ.ค.ที่จะถึงนี้เช่นเดิม ส่วนสถานที่ยังไม่สามารถระบุได้ โดยพนักงานสอบสวนจะสอบในเรื่องของเงินของกลางที่หายไป ว่าสรุปแล้วเงินของนายสุพจน์หายไปเท่าไหร่ และมีเงินอยู่จำนวนเท่าไหร่กันแน่ พร้อมทั้งหาที่มาที่ไปของเงินจำนวนดังกล่าวด้วย โดยการสอบสวนครั้งนี้จะมีแต่พนักงานสอบสวนของนครบาลอย่างเดียว ซึ่งจะไม่มีเจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าร่วมแต่อย่างใด
“การสอบสวนคดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก เชื่อได้ว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีนี้ได้ในเร็วๆ นี้ เพราะเหลือเพียงการสอบปากคำเพิ่มเติมในรายละเอียดเรื่องเงินของกลางที่หายไปเท่านั้น ซึ่งตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้จำนวน 8 คนแล้วพร้อมแจ้งข้อหาเรียบร้อย ส่วนผู้ที่หลบหนีได้ออกหมายจับไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวอยู่” พล.ต.ท.วินัยกล่าว
ที่กองปราบปราม วันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.จัดชุดสืบสวน เร่งออกสืบสวนติดตามจับกุม นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุบุกปล้นบ้านพักของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งพบข้อมูลว่า นายวีระศักดิ์ หลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง
ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุพิศาล สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป.เป็นหัวหน้าชุด นำกำลังตำรวจจาก กก.3 กก.4 และ กก.5 บก.ป.ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบในจังหวัดที่อยู่ติดแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ยังมั่นใจว่า นายวีระศักดิ์ ยังคงหลบหนีกบดานอยู่ในแนวชายแดนซึ่งติดกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงแต่ไม่ได้ระบุอย่างแน่ชัดว่าเป็นประเทศใด ในส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายวีระศักดิ์ นั้น เป็นการดำเนินการอีกทางหนึ่งเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผู้ต้องหา หลังจากมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าอาจจะมีการลงมือฆ่าตัดตอนผู้ต้องหารายนี้
สำหรับกรณีของนายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นาวงศ์ และนายคำนวน หรือนวน เมฆน้อย ผู้ต้องหาอีก 2 ราย ในคดีเดียวกัน ซึ่งมีข้อมูลว่ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศนั้น ทางชุดสืบสวนของ บก.ป.ก็จะแบ่งกำลังกันออกเร่งสืบหาเบาะแส และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีเช่นเดียวกัน