ASTVผู้จัดการรายวัน-ป.ป.ช.นำหมายศาลค้นบ้าน “สุพจน์” เผยได้หลักฐานเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ผบช.น.เผยเจ้าตัวประสานเข้าให้ปากคำ 7 ธ.ค.นี้ "เหลิม"ปูดขบวนการส่งเงินผ่าน "โพยก๊วน" ชี้มีนักการเมืองเอี่ยวส่งเงินปล้นไปฟอกต่างประเทศ ขู่มีสิทธิ "ตายยกแก๊ง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 พ.ย.) เวลา 06.30 น.เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำโดยพ.ต.อ.อิทธิพล กิจสุวรรณ ผอ.ศูนย์เทคโนฯ นำหมายศาล เข้าค้นบ้านเลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวงและเขตวังทองหลาง ของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อหาหลักฐานคดีปล้นเงิน ขณะที่นายสุพจน์ กำลังใส่บาตรตามปกติอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้เข้าตรวจค้นส่วนต่างๆ ภายในบ้านพัก เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในบ้านแต่อย่างใด
สำหรับบ้านของนายสุพจน์ เป็นบ้านเดี่ยว 2 หลังปลูกแยกในรั้วเดียวกัน และฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักรับรองแขก รวมทั้งบริเวณหลังบ้านยังมีลานกว้างไว้สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ พื้นที่ประมาณ 6-7 ไร่ ภายในยังมีรถหรูยี่ห้อต่างๆ จอดอยู่นับ 10 คัน โดยปากซอยมีอพาร์ตเมนต์สูง 6 ชั้น ตั้งอยู่ ซึ่งตรงกับที่ผู้ต้องหาให้การไว้ว่าได้ไปเช่ารายวันเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านก่อนจะลงมือปล้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.วังทองหลาง ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนประมาณ 5-10 นายคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 12.40 น.นายวรวิทย์ สุขบุญ ผู้ช่วยเลขาสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยหลังเข้าตรวจสอบบ้านนายสุพจน์ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการขอหมายค้นจากศาลอาญา เพื่อเข้าทำการตรวจค้นบ้านของนายสุพจน์ หลังจากที่ถูกโจรปล้นบ้าน ซึ่งศาลได้อนุมัติหมาย จึงเข้ามาทำการตรวจค้นดังกล่าวตั้งแต่เวลา 06.30 น. โดยใช้เวลประมาณ กว่า 5 ชั่วโมง เบื้องต้นได้ทำการตรวจค้นบ้าน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 77 และบ้านเลขที่ 29 เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทางคดี แต่ในชั้นนี้ยังไม่ได้ทำการสอบปากคำนายสุพจน์และบุคคลภายในบ้านแต่อย่างใด ซึ่งนายสุพจน์ ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่ตรวจค้นก็เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่ตนไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดการเข้าตรวจสอบได้ ซึ่งหลังจากนี้ จะนำข้อมูลที่ได้จากการเข้าตรวจค้นทั้งหมดกลับไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนจะเรียกตัวนายสุพจน์ มาสอบปากคำเมื่อใดนั้นจะต้องรอทาง ป.ป.ช. ประชุมหารือกันอีกครั้ง
***"กล้าณรงค์"ยันใช้กฎหมายค้นบ้าน
นายกล้าณรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการตรวจค้น บ้านนายสุพจน์ ว่า ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 25 (2) และมาตรา 78 กล่าวคือ มีอำนาจขอให้ศาลออกหมายเพื่อเข้าไปในเคหะสถาน สถานที่ทำการ ที่อื่นใด หรือยานพาหนะ ของนายสุพจน์ หรือบุคคลใดๆ เพื่อตรวจสอบค้น หรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้น ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งอาศัยตามอำนาจของพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. มาตรา 78 อายัดเงินและทรัพย์สินของกลางในคดีที่ 2458/2554 สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ซึ่งเป็นเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท ทองรูปพรรณ หนัก 10 บาท ที่ยึดได้จากคนร้ายที่เข้าลักทรัพย์ พร้อมกับของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดต่อไป ซึ่งการอายัดครั้งนี้ได้แจ้งกับพนักงานสอบสวนสน.วังทองหลางไว้แล้ว ซึ่งเหตุผลที่ทางป.ป.ช.ขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวเนื่องจากนายสุพจน์อาจขอรับเงินจำนวนดังกล่าวกลับคืนไปได้ ซึ่งจะมีปัญหาในการติดตามทรัพย์สินคดีของป.ป.ช.เพื่อนำไปตรวจสอบ โดยนายสุพจน์ยินยอมให้ยึดเพื่อตรวจสอบ
เมื่อถามว่า จากการรายงานพบเงินสดในบ้านหรือไม่ นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า จากการรายงานได้มีการพบเงินสดบางส่วน แต่อยู่ในลักษณะได้รับแจ้งว่าได้มาจากเบี้ยประชุม ซึ่งป.ป.ช.ไม่ได้ยึดมา เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในซองเอกสาร ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากเบี้ยประชุม ส่วนเอกสารที่ได้เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องทางการเงิน สำหรับวัตถุพยานต้องตรวจสอบถึงความเชื่อมโยงข้อมูลต่อไป
**"สุพจน์"นัดให้การ 7 ธ.ค.**
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำนวนคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ว่าได้สั่งการให้ พ.ต.อ.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.ศสส.บช.น. พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ไปร่วมติดตามจับกุมตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี ที่หลบหนีไปกบดานที่ สปป.ลาว ซึ่งในกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีคนพบนายโก้ ให้เงินเด็กดริงก์ใน สปป.ลาว เป็นความจริงหรือไม่นั้น ทางตำรวจ สปป.ลาว ยังไม่ยืนยันว่าเจอตัวนายโก้ ส่วนนายพงษ์ศักดิ์ นามวงศ์ อายุ 35 ปี และนายคำนวณ หรือนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามมาดำเนินคดี คาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้เงินไปจำนวน 2-3 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสุพจน์ได้ประสานที่จะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ซึ่งในส่วนของสถานที่ยังไม่กำหนดชัดเจนจะเป็นที่ใด สำหรับเงินของกลางกว่า 18 ล้านบาท ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บรักษาไว้ที่ สน.วังทองหลาง เนื่องจากหากนำไปฝากกับธนาคารเกรงว่าเงินจะเปลี่ยนแปลงไป
**"เหลิม"ปูดส่งเงินผ่านโพยก๊วน**
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีเดียวกันนี้ว่า ตนไม่ได้พูดโยงถึงกองทัพ แต่ที่พูดถึงสีเขียวหมายถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่สื่อกลับเข้าใจผิด เอาไปลงว่าหมายถึงกองทัพ ซึ่งไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการค้นเงินที่ไปฝังอยู่ จะมีความคืบหน้าหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านไป 24 ชม.แล้ว เขาเอาออกกันหมดแล้ว ที่ผ่านมา ได้คุยกับ พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ตลอด ก็ได้รับรายงานจากประเทศลาวว่าจะได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจจะเป็นข่าวการจับนายโก้ได้
"ผมอยู่กองปราบมา 10 กว่าปี รู้ดีว่าเวลาคนชั่วมีเงิน มันทุจริต ถ้ามันฉลาดหน่อย มันก็จะเอาเงินเก็บไว้ที่บ้าน และจะส่งไปเมืองนอกด้วยระบบโพยก๊วน มีเท่าไรก็ส่งหมด ส่งไปไว้ประเทศที่เขาเป็นเสรีทางการเงิน แล้วจึงไปผ่านบริษัทโพยก๊วน ค่อยๆ ทะยอยส่ง เงิน 1-2 หมื่นล้าน แป๊บเดียวก็โอนหมดแล้ว วันนี้ มันมีโพยก๊วนอยู่ในกทม. เจ้าใหญ่ๆ ประมาณ 9 ราย คือ แถวเยาวราชมี 2 แห่ง บางรัก 2 แห่ง ประตูน้ำ 3 แห่ง และที่พลับพลาไชย 2 แห่ง ที่เป็นเจ้ามือคอยส่งเงิน ซึ่งไอ้โก้ มันโจรกระจอก มันไม่มีปัญญาไปส่งหรอก แต่เป็นพวกนักการเมืองต่างหากที่ส่งโพยก๊วน ซึ่งปลายทางอาจส่งไปที่ฮ่องกงก่อน แล้วจากนั้นค่อยส่งต่อไปอีกที" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**หวั่นไอ้โก้ถูกเก็บ-ขู่ตายยกแก๊ง**
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงขณะนี้นายโก้ เสียชีวิตหรือยัง เพราะข่าวออกมาหลายกระแส ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ เขาอยู่ลาว ตนอยู่ไทยจะไปรู้ได้อย่างไร แต่ก็ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องฆ่าปิดปาก ซึ่งก็ได้เตือนไป เพราะตนรู้อินไซด์ดี
“ผมไม่ใช่รองนายกฯ ที่มาจากนักการเมืองทั่วไปนะ ผมเป็นตำรวจ ระดับผู้บัญชาการต่างๆ ก็ลูกน้องเก่าทั้งนั้น ก็คุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และรู้ดีว่านักการเมืองที่ส่งเงินผ่านโพยก๊วน เป็นใคร แต่พูดไปก็จะถูกฟ้องได้ ก็คิดดูแล้วกันว่า อยู่ๆ จะเอาเงินไปซื้อบ้านที่อังกฤษได้อย่างไร มีการลักลอบส่งเงินตราออกไป" รองนายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าโพยก๊วนที่ว่านี้ มีส.ส.ในรัฐบาลรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ตนไม่มี เพราะตนไม่รวยขนาดนั้น ซึ่งรายละเอียดต้องมานั่งคุยกัน ถ้าคนไม่เคยเป็นตำรวจ หรือไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน จะไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่าเงินจำนวนนี้มีข่าวว่าเก็บไว้เพื่อที่จะมาซื้อตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เวลาตรุษจีน ไก่ เป็ด ตายยกเข่ง แต่เรื่องปล้นครั้งนี้มันจะตายยกแก๊ง
เมื่อถามว่าการโอนเงินผ่านโพยก๊วน เป็นกลุ่มเดียวกับที่ปล้นเงินบ้านปลัดกระทรวงการคมนาคม ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ความจริงไม่ใช่ได้เฉพาะแค่นี้อย่างเดียว ก็เล่นปล้นกลางแดด ได้กันเยอะ ได้ไป ส่งไปๆ รับรองว่าเรื่องนี้ตนตามติดแน่ และอย่าไปคิดว่ารัฐบาลนี้จะมาเช็คบิลใคร ไม่มีหรอก เราทำไปตามหน้าที่
** กมธ.วุฒิร่วมบี้คดีปล้นปลัดพันล้าน
ส่วนที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม วุฒิสภา โดยมีนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณากรณีโจรปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม โดยเชิญ พล.ต.ต.สุธีร์ เณรกัณฐ์ ผบก.น.4 และ พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง เข้าชี้แจง
นายเกชากล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.ต.ต.สุธีร์ ชี้แจงว่าในทางคดีมีความคืบหน้าพอสมควร เหลือคนร้ายอีกเพียง 3 ราย ที่ตำรวจกำลังไล่ล่าจับกุมโดยเฉพาะนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ “ไอ้โก้” หัวหน้าแก๊ง โดยในสัปดาห์หน้านายสุพจน์จะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง จากนั้นคณะกรรมาธิการฯ จะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าชี้แจงอีกครั้ง ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จากนั้นจึงจะเชิญ ป.ป.ช. และ ปปง. เข้าชี้แจงถึงเส้นทางเงินดังกล่าว แล้วจะเชิญนายสุพจน์เข้าชี้แจงต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ตั้งข้อสังเกตว่า เงินดังกล่าวอาจเป็นเงินทุจริตในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ นายเกชา กล่าวว่า ในการพิจารณาของ กมธ. ยังไม่ไปถึงตรงนั้น เพราะต้องรอดูผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เส้นทางการเงินจาก ป.ป.ช. และปปง. ก่อน จึงจะทราบว่าเงินดังกล่าวเกี่ยวพันกับการประมูลสัญญาโครงการรัฐหรือไม่ นอกจากนี้ ยังจะขอมติจากที่ประชุมเพื่อเชิญหน่วยงาน หรืออาจรวมถึงบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าชี้แจงด้วย
***"ไจก้า"ถามคดีปล้นบ้าน”สุพจน์”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ได้โทรศัพท์ไปสอบถามการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เกี่ยวกับกรณีการปล้นบ้านนายสุพจน์ ซึ่งเป็นประธานบอร์ดรฟม. ว่า ทางป.ป.ช. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้เรียกพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ของ รฟม. ไปสอบถามข้อมูลอะไรหรือไม่ รวมถึงมีการขอข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าของรฟม.หรือไม่ ซึ่งรฟม.ได้แจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อใดๆ มาจากทั้ง 2 หน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 พ.ย.) เวลา 06.30 น.เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำโดยพ.ต.อ.อิทธิพล กิจสุวรรณ ผอ.ศูนย์เทคโนฯ นำหมายศาล เข้าค้นบ้านเลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวงและเขตวังทองหลาง ของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อหาหลักฐานคดีปล้นเงิน ขณะที่นายสุพจน์ กำลังใส่บาตรตามปกติอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้เข้าตรวจค้นส่วนต่างๆ ภายในบ้านพัก เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในบ้านแต่อย่างใด
สำหรับบ้านของนายสุพจน์ เป็นบ้านเดี่ยว 2 หลังปลูกแยกในรั้วเดียวกัน และฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักรับรองแขก รวมทั้งบริเวณหลังบ้านยังมีลานกว้างไว้สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ พื้นที่ประมาณ 6-7 ไร่ ภายในยังมีรถหรูยี่ห้อต่างๆ จอดอยู่นับ 10 คัน โดยปากซอยมีอพาร์ตเมนต์สูง 6 ชั้น ตั้งอยู่ ซึ่งตรงกับที่ผู้ต้องหาให้การไว้ว่าได้ไปเช่ารายวันเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านก่อนจะลงมือปล้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.วังทองหลาง ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนประมาณ 5-10 นายคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 12.40 น.นายวรวิทย์ สุขบุญ ผู้ช่วยเลขาสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยหลังเข้าตรวจสอบบ้านนายสุพจน์ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการขอหมายค้นจากศาลอาญา เพื่อเข้าทำการตรวจค้นบ้านของนายสุพจน์ หลังจากที่ถูกโจรปล้นบ้าน ซึ่งศาลได้อนุมัติหมาย จึงเข้ามาทำการตรวจค้นดังกล่าวตั้งแต่เวลา 06.30 น. โดยใช้เวลประมาณ กว่า 5 ชั่วโมง เบื้องต้นได้ทำการตรวจค้นบ้าน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 77 และบ้านเลขที่ 29 เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทางคดี แต่ในชั้นนี้ยังไม่ได้ทำการสอบปากคำนายสุพจน์และบุคคลภายในบ้านแต่อย่างใด ซึ่งนายสุพจน์ ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่ตรวจค้นก็เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่ตนไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดการเข้าตรวจสอบได้ ซึ่งหลังจากนี้ จะนำข้อมูลที่ได้จากการเข้าตรวจค้นทั้งหมดกลับไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนจะเรียกตัวนายสุพจน์ มาสอบปากคำเมื่อใดนั้นจะต้องรอทาง ป.ป.ช. ประชุมหารือกันอีกครั้ง
***"กล้าณรงค์"ยันใช้กฎหมายค้นบ้าน
นายกล้าณรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการตรวจค้น บ้านนายสุพจน์ ว่า ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 25 (2) และมาตรา 78 กล่าวคือ มีอำนาจขอให้ศาลออกหมายเพื่อเข้าไปในเคหะสถาน สถานที่ทำการ ที่อื่นใด หรือยานพาหนะ ของนายสุพจน์ หรือบุคคลใดๆ เพื่อตรวจสอบค้น หรืออายัดทรัพย์สิน เอกสารหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้น ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งอาศัยตามอำนาจของพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. มาตรา 78 อายัดเงินและทรัพย์สินของกลางในคดีที่ 2458/2554 สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ซึ่งเป็นเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท ทองรูปพรรณ หนัก 10 บาท ที่ยึดได้จากคนร้ายที่เข้าลักทรัพย์ พร้อมกับของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดต่อไป ซึ่งการอายัดครั้งนี้ได้แจ้งกับพนักงานสอบสวนสน.วังทองหลางไว้แล้ว ซึ่งเหตุผลที่ทางป.ป.ช.ขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวเนื่องจากนายสุพจน์อาจขอรับเงินจำนวนดังกล่าวกลับคืนไปได้ ซึ่งจะมีปัญหาในการติดตามทรัพย์สินคดีของป.ป.ช.เพื่อนำไปตรวจสอบ โดยนายสุพจน์ยินยอมให้ยึดเพื่อตรวจสอบ
เมื่อถามว่า จากการรายงานพบเงินสดในบ้านหรือไม่ นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า จากการรายงานได้มีการพบเงินสดบางส่วน แต่อยู่ในลักษณะได้รับแจ้งว่าได้มาจากเบี้ยประชุม ซึ่งป.ป.ช.ไม่ได้ยึดมา เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในซองเอกสาร ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากเบี้ยประชุม ส่วนเอกสารที่ได้เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องทางการเงิน สำหรับวัตถุพยานต้องตรวจสอบถึงความเชื่อมโยงข้อมูลต่อไป
**"สุพจน์"นัดให้การ 7 ธ.ค.**
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำนวนคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ว่าได้สั่งการให้ พ.ต.อ.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.ศสส.บช.น. พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ไปร่วมติดตามจับกุมตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี ที่หลบหนีไปกบดานที่ สปป.ลาว ซึ่งในกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีคนพบนายโก้ ให้เงินเด็กดริงก์ใน สปป.ลาว เป็นความจริงหรือไม่นั้น ทางตำรวจ สปป.ลาว ยังไม่ยืนยันว่าเจอตัวนายโก้ ส่วนนายพงษ์ศักดิ์ นามวงศ์ อายุ 35 ปี และนายคำนวณ หรือนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี ที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามมาดำเนินคดี คาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้เงินไปจำนวน 2-3 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสุพจน์ได้ประสานที่จะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ซึ่งในส่วนของสถานที่ยังไม่กำหนดชัดเจนจะเป็นที่ใด สำหรับเงินของกลางกว่า 18 ล้านบาท ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บรักษาไว้ที่ สน.วังทองหลาง เนื่องจากหากนำไปฝากกับธนาคารเกรงว่าเงินจะเปลี่ยนแปลงไป
**"เหลิม"ปูดส่งเงินผ่านโพยก๊วน**
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีเดียวกันนี้ว่า ตนไม่ได้พูดโยงถึงกองทัพ แต่ที่พูดถึงสีเขียวหมายถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่สื่อกลับเข้าใจผิด เอาไปลงว่าหมายถึงกองทัพ ซึ่งไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการค้นเงินที่ไปฝังอยู่ จะมีความคืบหน้าหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านไป 24 ชม.แล้ว เขาเอาออกกันหมดแล้ว ที่ผ่านมา ได้คุยกับ พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ตลอด ก็ได้รับรายงานจากประเทศลาวว่าจะได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจจะเป็นข่าวการจับนายโก้ได้
"ผมอยู่กองปราบมา 10 กว่าปี รู้ดีว่าเวลาคนชั่วมีเงิน มันทุจริต ถ้ามันฉลาดหน่อย มันก็จะเอาเงินเก็บไว้ที่บ้าน และจะส่งไปเมืองนอกด้วยระบบโพยก๊วน มีเท่าไรก็ส่งหมด ส่งไปไว้ประเทศที่เขาเป็นเสรีทางการเงิน แล้วจึงไปผ่านบริษัทโพยก๊วน ค่อยๆ ทะยอยส่ง เงิน 1-2 หมื่นล้าน แป๊บเดียวก็โอนหมดแล้ว วันนี้ มันมีโพยก๊วนอยู่ในกทม. เจ้าใหญ่ๆ ประมาณ 9 ราย คือ แถวเยาวราชมี 2 แห่ง บางรัก 2 แห่ง ประตูน้ำ 3 แห่ง และที่พลับพลาไชย 2 แห่ง ที่เป็นเจ้ามือคอยส่งเงิน ซึ่งไอ้โก้ มันโจรกระจอก มันไม่มีปัญญาไปส่งหรอก แต่เป็นพวกนักการเมืองต่างหากที่ส่งโพยก๊วน ซึ่งปลายทางอาจส่งไปที่ฮ่องกงก่อน แล้วจากนั้นค่อยส่งต่อไปอีกที" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
**หวั่นไอ้โก้ถูกเก็บ-ขู่ตายยกแก๊ง**
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงขณะนี้นายโก้ เสียชีวิตหรือยัง เพราะข่าวออกมาหลายกระแส ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ เขาอยู่ลาว ตนอยู่ไทยจะไปรู้ได้อย่างไร แต่ก็ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องฆ่าปิดปาก ซึ่งก็ได้เตือนไป เพราะตนรู้อินไซด์ดี
“ผมไม่ใช่รองนายกฯ ที่มาจากนักการเมืองทั่วไปนะ ผมเป็นตำรวจ ระดับผู้บัญชาการต่างๆ ก็ลูกน้องเก่าทั้งนั้น ก็คุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และรู้ดีว่านักการเมืองที่ส่งเงินผ่านโพยก๊วน เป็นใคร แต่พูดไปก็จะถูกฟ้องได้ ก็คิดดูแล้วกันว่า อยู่ๆ จะเอาเงินไปซื้อบ้านที่อังกฤษได้อย่างไร มีการลักลอบส่งเงินตราออกไป" รองนายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าโพยก๊วนที่ว่านี้ มีส.ส.ในรัฐบาลรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ตนไม่มี เพราะตนไม่รวยขนาดนั้น ซึ่งรายละเอียดต้องมานั่งคุยกัน ถ้าคนไม่เคยเป็นตำรวจ หรือไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน จะไม่เข้าใจ
เมื่อถามว่าเงินจำนวนนี้มีข่าวว่าเก็บไว้เพื่อที่จะมาซื้อตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เวลาตรุษจีน ไก่ เป็ด ตายยกเข่ง แต่เรื่องปล้นครั้งนี้มันจะตายยกแก๊ง
เมื่อถามว่าการโอนเงินผ่านโพยก๊วน เป็นกลุ่มเดียวกับที่ปล้นเงินบ้านปลัดกระทรวงการคมนาคม ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ความจริงไม่ใช่ได้เฉพาะแค่นี้อย่างเดียว ก็เล่นปล้นกลางแดด ได้กันเยอะ ได้ไป ส่งไปๆ รับรองว่าเรื่องนี้ตนตามติดแน่ และอย่าไปคิดว่ารัฐบาลนี้จะมาเช็คบิลใคร ไม่มีหรอก เราทำไปตามหน้าที่
** กมธ.วุฒิร่วมบี้คดีปล้นปลัดพันล้าน
ส่วนที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม วุฒิสภา โดยมีนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณากรณีโจรปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม โดยเชิญ พล.ต.ต.สุธีร์ เณรกัณฐ์ ผบก.น.4 และ พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง เข้าชี้แจง
นายเกชากล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.ต.ต.สุธีร์ ชี้แจงว่าในทางคดีมีความคืบหน้าพอสมควร เหลือคนร้ายอีกเพียง 3 ราย ที่ตำรวจกำลังไล่ล่าจับกุมโดยเฉพาะนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ “ไอ้โก้” หัวหน้าแก๊ง โดยในสัปดาห์หน้านายสุพจน์จะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง จากนั้นคณะกรรมาธิการฯ จะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าชี้แจงอีกครั้ง ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จากนั้นจึงจะเชิญ ป.ป.ช. และ ปปง. เข้าชี้แจงถึงเส้นทางเงินดังกล่าว แล้วจะเชิญนายสุพจน์เข้าชี้แจงต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ตั้งข้อสังเกตว่า เงินดังกล่าวอาจเป็นเงินทุจริตในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ นายเกชา กล่าวว่า ในการพิจารณาของ กมธ. ยังไม่ไปถึงตรงนั้น เพราะต้องรอดูผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เส้นทางการเงินจาก ป.ป.ช. และปปง. ก่อน จึงจะทราบว่าเงินดังกล่าวเกี่ยวพันกับการประมูลสัญญาโครงการรัฐหรือไม่ นอกจากนี้ ยังจะขอมติจากที่ประชุมเพื่อเชิญหน่วยงาน หรืออาจรวมถึงบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าชี้แจงด้วย
***"ไจก้า"ถามคดีปล้นบ้าน”สุพจน์”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ได้โทรศัพท์ไปสอบถามการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เกี่ยวกับกรณีการปล้นบ้านนายสุพจน์ ซึ่งเป็นประธานบอร์ดรฟม. ว่า ทางป.ป.ช. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้เรียกพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ของ รฟม. ไปสอบถามข้อมูลอะไรหรือไม่ รวมถึงมีการขอข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าของรฟม.หรือไม่ ซึ่งรฟม.ได้แจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อใดๆ มาจากทั้ง 2 หน่วยงาน