ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้าน 5 ตำบลเรียงขอน วางฟอนตั้งเต็นท์ปิดถนนสุวินทวงศ์ ต้านโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขต หลังฝ่ายนายทุนเมินเจรจาร่วมโต๊ะชาวบ้านในเวที 4 ฝ่ายระดับจังหวัด ยื่นคำขาดต้องการพบระดับชี้นิ้วนำรัฐบาลเข้าเจรจาเท่านั้น หลังตลอด 1 ปีเต็มสู้ตามกรอบ ผ่านกระบวนการทางกฎหมายแล้วไร้ผล
วันนี้ (11 มี.ค.) ชาวบ้านรวม 5 ตำบล ในพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบสถานที่ก่อตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จากก๊าซซีเอ็นจี (NGV) กว่า 400 คน ได้ออกมารวมตัวพร้อมกรูกันนำเอาขอนไม้ ฟางก้อน และยางรถยนต์ พร้อมทั้งนำเต็นท์ขนาดใหญ่ออกมาวางขวางกลางถนนสายสุวินทวงศ์ บริเวณสามแยกสตาร์ไลท์ ระหว่างหลัก กม.ที่ 71-72 พื้นที่หมู่ 5 ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้า ของบริษัท ฉะเชิงเทรา โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ขนาดกำลัง 114 เมกาวัตต์
ซึ่งบริษัทดังกล่าวอยู่ในกลุ่มเครือของบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่กว่า 20 แห่งทั่วประเทศ หลังจากที่ผ่านมา ทางบริษัทดังกล่าวไม่ส่งคนเข้ามาร่วมเวทีการเจรจากับทางจังหวัด และตัวแทนชาวบ้านที่นำโดย นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นผู้ขอเวลาการทำงานกับชาวบ้านเป็นเวลา 7 วัน ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา (29 ม.ค.) โดยทางโรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือส่งตัวแทนเข้ามาร่วม ต่อการเจรจาดังกล่าวแต่อย่างใด
โดย นายมานัส สุนทรโชติ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.1 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา แกนนำผู้ชุมนุม กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมของชาวบ้านและปิดถนนในครั้งนี้นั้น เนื่องจากต้องการให้ระดับคนในรัฐบาลเข้ามาเจรจา หรือรับเรื่องร้องเรียนจากความเดือดร้อนของชาวบ้าน เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านได้ต่อสู้อย่างถูกต้องไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และตามกรอบแนวทางที่ส่วนราชการในจังหวัดดำเนินการให้ แต่ก็ล่าช้าเกินไป ขณะที่ฝ่ายนายทุนกลับเป็นฝ่ายรุกและดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และไม่มีผลตอบรับกลับมาในแนวทางที่ดีขึ้น
เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ทางฝ่ายของนายทุนผู้ก่อตั้งโรงไฟฟ้าไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือส่งตัวแทนเข้ามาร่วมเจรจา 4 ฝ่ายกับทางจังหวัดแต่อย่างใด ขณะที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้เคยขอเวลาทำงานเพียง 1 สัปดาห์ แต่ขณะนี้เวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้วนั้น กลับบอกว่าทางจังหวัดไม่มีอำนาจ และไม่สามารถดำเนินการอะไรกับทางฝ่ายนายทุนได้
ในวันนี้ จึงต้องการยื่นข้อเรียกร้องกับทางรัฐบาล 3 ข้อใหญ่ 10 ข้อย่อย ให้รัฐบาลนำกลับไปพิจารณา โดยสามข้อใหญ่ คือ 1.โรงไฟฟ้าแห่งนี้ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่สีเหลืองตามฝังเมือง จ.ฉะเชิงเทรา 2.การดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานใดเลย โดยอ้างการขออนุญาตการใช้เขตประกอบการเก่าที่ล้มละลายไปกว่า 10 ปีมาแล้วกลับมาก่อสร้างเท่านั้น 3.อีไอเอที่นำมาใช้ประกอบในการขออนุญาตนั้น เป็นอีไอเอที่ด้อยคุณภาพ เป็นเท็จ และมี ข้อผิดพลาด ถึงกว่า 40 ประเด็น นายมานัส กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศในการชุมนุมนั้น ชาวบ้านได้พากันออกมากลางร่มนั่งปิดถนนตามทางแยกทั้ง 3 ช่องทางจนรถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ โดยมีส่วนหนึ่งได้พากันร้องรำทำเพลงไปตามจังหวะของเครื่องขยายเสียงที่เปิดขับกล่อม ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้มีการเตรียมความพร้อมกองร้อยควบคุมฝูงชนไว้จำนวนมากถึง 2 กองร้อย พร้อมด้วยกองตำรวจหญิง และพร้อมที่จะใช้กำลังกับผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลาหากได้รับคำสั่ง
ส่วนการจราจรนั้น ตลอดเส้นทางเป็นไปด้วยความคับคั่งทั้งขาเข้า และขาออก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่จราจร และ อส.มาคอยปิดกั้นเส้นทาง และชี้จุดแยกในการใช้เส้นทางหลบเลี่ยงให้แก่ประชาชนอยู่ตลอดเวลาในทุกด้าน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจบางหน่วยยังได้นำรถยนต์ติดตั้งเครื่องขยายเสียงภาคสนามแรงขับสูง นำมาใช้ในการเจรจาเกลี้ยกล่อมผู้ชุมนุมโดยขอให้เปิดเส้นทางการสัญจร ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนก็ได้แสดงความไม่พอใจพร้อมกับโห่ไล่
ขณะที่ทางฝ่ายของส่วนราชการระดับจังหวัดนั้น ได้มี นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา พลังงานจังหวัด สิ่งแวดล้อมจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด และนายตำรวจระดับสูงของจังหวัดเดินทางมาขอเจรจากับทางแกนนำชาวบ้าน แต่ชาวบ้านยังไม่ยินยอมที่จะทำตามคำขอร้องจากทางฝ่ายของหน่วยงานภาครัฐในการเปิดช่องทางการสัญจรแต่อย่างใด