xs
xsm
sm
md
lg

GLOWโกยรายได้ทะลุ4หมื่นล.สวนทางกำไรตกเหตุต้นทุนพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - โกลว์ พลังงาน งวดสิ้นปี54 อวดรายได้กว่า 4 หมื่นล้านบาท เหตุปริมาณจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่ม และรายได้จากบริษัทใหม่ที่เข้าซื้อกิจการหนุน ขณะกำไรตกผลจากต้นทุนวัตถุดิบเชื้อเพลิงพุ่ง

นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทโกลว์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 54 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 3,494.36 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 53 ที่ทำไว้ 5,715.51 ล้านบาท หรือลดลง 2,221.15 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 38.86% เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมงวดนี้ 40,955 ล้านบาทและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา ( EBITDA ) 9,954 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.5% อีกทั้งมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ (NNP) 4,104 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยรายได้เพิ่มขึ้น เพราะปริมาณจำหน่ายของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากความต้องการของลูกค้า ทั้งโครงการระยะที่ 5 (Phase 5) และไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ที่บริษัทเข้าซื้อกิจการในไตรมาส 3 ปี 54 ส่วนปี 55 บริษัทคาดว่าปริมาณจำหน่ายของลูกค้าอุตสาหกรรมจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการของลูกค้าโครงการระยะที่ 5 ที่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นสำหรับโรงงานแห่งใหม่ของลูกค้าเอง อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่อัตรากำไรลดลง จากการที่รัฐบาลไม่ได้ปรับเพิ่มอัตราค่าไฟให้เป็นไปตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด ซึ่งผลงานปี 54 ยังได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนของห้วยเหาะ พาวเวอร์อันเนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนของห้วยเหาะ พาวเวอร์ที่มีปริมาณน้อยในปี 53 ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำฝนที่อยู่ในเกณฑ์ดีในปี 54 ทำให้ห้วยเหาะพาวเวอร์สามารถกลับมาดำเนินการได้แล้วตามปกติ

ขณะปริมาณจำหน่ายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่วนอัตรากำไรปรับตัวลดลงและภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นยอดจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมสำหรับปี 54 เมื่อเทียบกับปี53 เพิ่มขึ้น 6.2% และ 15.8% ตามลำดับ ในทางตรงข้ามต้นทุนราคาค่าก๊าซสำหรับปี 54 เพิ่มขึ้น 10 % ขณะอัตราค่าไฟเพิ่มขึ้นเพียง 0.59 % ส่งผลให้อัตรากำไรของธุรกิจพลังงานความร้อนร่วมและไอน้ำ ปรับตัวลดลงแม้ว่าปริมาณจำหน่ายจะมีเพิ่มขึ้นก็ตาม

" ปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมส่งผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา แม้ว่าอัตรากำไรจะลดลง อย่างไรก็ตาม ภาษีเงินได้ของธุรกิจ IPP ซึ่งเพิ่มขึ้น 430 ล้านบาท เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ (NNP) ของกลุ่มบริษัทลดลง จากการสิ้นสุดระยะเวลาการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี54

สำหรับโครงการขยายโรงไฟฟ้าที่ได้มีการดำเนินการมานั้น โครงการระยะที่ 5 ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับในปี 54 นอกเหนือจากโครงการ ซีเอฟบี 3 ที่แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 53 ในส่วนของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 55 ซึ่งหลายโครงการที่แล้วเสร็จจะเพิ่มกำลังการผลิตให้แก่โรงไฟฟ้าของ กลุ่มบริษัทอีกกว่า 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น