ASTVผู้จัดการรายวัน - บางจากทุ่ม 8พันล้านบาทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นก้าวสู่High Innovation Refinery ภายใน 8 ปี ดันกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนบาร์เรล/วันและค่าการกลั่น(GRM)สูงขึ้นอีก 2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เผยงบลงทุน 4ปีนี้ ใช้เงิน 2.6 หมื่นล้านบาท ดัน EBITDA พุ่ง จี้รัฐชัดเจนยกเลิกขายเบนซิน 91 ภายในต.ค.นี้ ให้เลื่อนออกไปก่อนแต่หันมาเพิ่มส่วนต่างราคาเบนซิน 91กับแก๊สโซฮอล์95 ลิตรละ 4 บาท เพื่อลดการใช้เบนซิน91 ก่อนยกเลิกในอนาคต
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันบางจาก โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 8 พันล้านบาท ภายใต้การพัฒนาในโครงการ 3E หรือ Energy/ Efficiency/ Environment เพื่อยกระดับโรงกลั่นสู่High Innovation Refinery ทำให้กำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 1.2 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบันกลั่นน้ำมันอยู่ 1-1.1 แสนบาร์เรล/วัน
และทำให้ค่าการกลั่นเฉลี่ย (GRM) เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากปีนี้ที่คาดว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 7 เหรียญสหรํฐต่อบาร์เรล และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย
สำหรับการลงทุนโครงการ 3E จะแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาทในช่วงปี 2555-2558 และระยะที่สองจะลงทุนอีก 4 พันล้านบาท ในช่วงปี 2559-2563 ประกอบด้วย หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ทันสมัย หรือ New Innovation CCR (Continuous catalytic Reforming Unit) ซึ่งเป็นหน่วยกลั่นที่มีกำลังการผลิตประมาณ 12,000 บาร์เรลต่อวัน และจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม หรือ Co-Generation ขนาด 15 เมกะวัตต์ จะเริ่มทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ในกลางปีนี้ และเริ่มก่อสร้างในปีหน้า
ส่วนโครงการลงทุนเฟส 2 ประกอบด้วย โครงการลงทุน Visbreaking Unit ซึ่งเป็นหน่วยปรับค่าความหนืดของน้ำมันเตา ซึ่งหน่วยนี้มีกำลังการกลั่นประมาณ 12,000 บาร์เรลต่อวัน และการเพิ่มออกเทนของน้ำมันไลฟ์แนฟธา หรือ Recycled Isomerization Unit ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 7,500 บาร์เรลต่อวัน
สำหรับแผนการลงทุน 4 ปีข้างหน้า (2555-2558 ) บางจากจะใช้เงินลงทุนรวม 2.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนของการลงทุนปรับปรุงและพัฒนาในโครงการ 3E ประมาณ 4,000 ล้านบาท โครงการลงทุนไบโอดีเซล และเอทานอล ประมาณ 1,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นการลงทุนเพื่อซ่อมบำรุงโรงกลั่นและขยายปั๊มน้ำมันตามปกติ 6,000 ล้านบาท
โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายว่าในปี 2558 บางจากจะมีกำไรก่อนหักค่าเสื่อม ภาษี และดอกเบี้ยจ่าย(EBITDA) 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่วางเป้าหมายมีEBITDA 7 พันล้านบาท ในปีนี้ บางจากฯตั้งงบลงทุน 7.3 พันล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการขยายสถานีบริการน้ำมัน 2 พันล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2และเฟส 3 ที่จังหวัดชัยภูมิและอยุธยา 4.5 พันล้านบาท และอีก 800 ล้านบาท เป็นการลงทุนในการลดสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในโรงกลั่นน้ำมัน
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรซึ่งเป็นโมเดิร์น เทรดรายใหญ่ของประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาร่วมทุนเปิดร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมันบางจาก คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ในส่วนธุรกิจนอนออยล์ให้บางจากมากขึ้น โดยเบื้องต้นจะเปิดร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ใหม่นี้ 6-7 แห่งก่อนที่จะขยายจำนวนร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์โมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บางจากฯยังมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันจากปัจจุบัน 1,070 แห่งเป็น 1,300 แห่งในอนาคต โดยตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 รองจาก ปตท.ให้ได้ในปี 2558 โดยมีปั๊มน้ำมันที่จะจำหน่าย อี20 จะเพิ่มเป็น 600 แห่ง และอี85 จะเพิ่มเป็น 50 แห่ง ภายในปีนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในขณะนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 150-160 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 120-130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดจากเหตุการณ์อิหร่านที่จะไม่ส่งน้ำมันไปชาติตะวันตก ทำให้ปริมาณน้ำมันหายไป 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปัจจุบันอิหร่านมีการส่งออกประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นไปประมาณ 10-15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอย่างผิดปกติ แต่เชื่อว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ไม่น่าจะยืนได้นาน เพราะสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น จะเริ่มนำน้ำมันสำรองน้ำมันออกมาใช้ ทำให้น้ำมันในตลาดโลกมีราคาอ่อนลง อย่างไรก็ตาม ทางบางจากเตรียมจะเสนอบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้มีการรวมกลุ่มกันสั่งนำเข้าน้ำมันดิบจากแถบอัฟริกาแทนการซื้อน้ำมันจากฝั่งตะวันออกกลางซึ่งมีปัญหาในขณะนี้
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศคาดว่าน้ำมันดีเซลไม่น่าจะเกิน 35 บาทต่อลิตร แม้ว่าจะมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอีกครั้ง เพราะจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็คงจะกำลังพิจารณาในเรื่องนี้อยู่ ส่วนการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในประเทศในเดือนต.ค. 55 ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน หากไม่พร้อมก็น่าจะเลื่อนการยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ออกไปก่อน ทั้งนี้ บางจากฯอยากเสนอให้รัฐถ่างส่วนต่างราคาเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 จากปัจจุบันต่างกันอยู่ลิตรละ 1.28 บาท เป็น 4 บาท/ลิตร เพื่อให้ประชาชนลดการใช้เบนซิน 91 ก่อนที่จะมีการยกเลิกการจำหน่ายตามมา
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันบางจาก โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 8 พันล้านบาท ภายใต้การพัฒนาในโครงการ 3E หรือ Energy/ Efficiency/ Environment เพื่อยกระดับโรงกลั่นสู่High Innovation Refinery ทำให้กำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 1.2 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบันกลั่นน้ำมันอยู่ 1-1.1 แสนบาร์เรล/วัน
และทำให้ค่าการกลั่นเฉลี่ย (GRM) เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากปีนี้ที่คาดว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 7 เหรียญสหรํฐต่อบาร์เรล และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย
สำหรับการลงทุนโครงการ 3E จะแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาทในช่วงปี 2555-2558 และระยะที่สองจะลงทุนอีก 4 พันล้านบาท ในช่วงปี 2559-2563 ประกอบด้วย หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ทันสมัย หรือ New Innovation CCR (Continuous catalytic Reforming Unit) ซึ่งเป็นหน่วยกลั่นที่มีกำลังการผลิตประมาณ 12,000 บาร์เรลต่อวัน และจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม หรือ Co-Generation ขนาด 15 เมกะวัตต์ จะเริ่มทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ในกลางปีนี้ และเริ่มก่อสร้างในปีหน้า
ส่วนโครงการลงทุนเฟส 2 ประกอบด้วย โครงการลงทุน Visbreaking Unit ซึ่งเป็นหน่วยปรับค่าความหนืดของน้ำมันเตา ซึ่งหน่วยนี้มีกำลังการกลั่นประมาณ 12,000 บาร์เรลต่อวัน และการเพิ่มออกเทนของน้ำมันไลฟ์แนฟธา หรือ Recycled Isomerization Unit ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 7,500 บาร์เรลต่อวัน
สำหรับแผนการลงทุน 4 ปีข้างหน้า (2555-2558 ) บางจากจะใช้เงินลงทุนรวม 2.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนของการลงทุนปรับปรุงและพัฒนาในโครงการ 3E ประมาณ 4,000 ล้านบาท โครงการลงทุนไบโอดีเซล และเอทานอล ประมาณ 1,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นการลงทุนเพื่อซ่อมบำรุงโรงกลั่นและขยายปั๊มน้ำมันตามปกติ 6,000 ล้านบาท
โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายว่าในปี 2558 บางจากจะมีกำไรก่อนหักค่าเสื่อม ภาษี และดอกเบี้ยจ่าย(EBITDA) 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่วางเป้าหมายมีEBITDA 7 พันล้านบาท ในปีนี้ บางจากฯตั้งงบลงทุน 7.3 พันล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการขยายสถานีบริการน้ำมัน 2 พันล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2และเฟส 3 ที่จังหวัดชัยภูมิและอยุธยา 4.5 พันล้านบาท และอีก 800 ล้านบาท เป็นการลงทุนในการลดสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในโรงกลั่นน้ำมัน
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรซึ่งเป็นโมเดิร์น เทรดรายใหญ่ของประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาร่วมทุนเปิดร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมันบางจาก คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ในส่วนธุรกิจนอนออยล์ให้บางจากมากขึ้น โดยเบื้องต้นจะเปิดร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ใหม่นี้ 6-7 แห่งก่อนที่จะขยายจำนวนร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์โมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บางจากฯยังมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันจากปัจจุบัน 1,070 แห่งเป็น 1,300 แห่งในอนาคต โดยตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 รองจาก ปตท.ให้ได้ในปี 2558 โดยมีปั๊มน้ำมันที่จะจำหน่าย อี20 จะเพิ่มเป็น 600 แห่ง และอี85 จะเพิ่มเป็น 50 แห่ง ภายในปีนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในขณะนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 150-160 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 120-130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดจากเหตุการณ์อิหร่านที่จะไม่ส่งน้ำมันไปชาติตะวันตก ทำให้ปริมาณน้ำมันหายไป 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปัจจุบันอิหร่านมีการส่งออกประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นไปประมาณ 10-15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอย่างผิดปกติ แต่เชื่อว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ไม่น่าจะยืนได้นาน เพราะสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น จะเริ่มนำน้ำมันสำรองน้ำมันออกมาใช้ ทำให้น้ำมันในตลาดโลกมีราคาอ่อนลง อย่างไรก็ตาม ทางบางจากเตรียมจะเสนอบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้มีการรวมกลุ่มกันสั่งนำเข้าน้ำมันดิบจากแถบอัฟริกาแทนการซื้อน้ำมันจากฝั่งตะวันออกกลางซึ่งมีปัญหาในขณะนี้
สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศคาดว่าน้ำมันดีเซลไม่น่าจะเกิน 35 บาทต่อลิตร แม้ว่าจะมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอีกครั้ง เพราะจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็คงจะกำลังพิจารณาในเรื่องนี้อยู่ ส่วนการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในประเทศในเดือนต.ค. 55 ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน หากไม่พร้อมก็น่าจะเลื่อนการยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ออกไปก่อน ทั้งนี้ บางจากฯอยากเสนอให้รัฐถ่างส่วนต่างราคาเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 จากปัจจุบันต่างกันอยู่ลิตรละ 1.28 บาท เป็น 4 บาท/ลิตร เพื่อให้ประชาชนลดการใช้เบนซิน 91 ก่อนที่จะมีการยกเลิกการจำหน่ายตามมา