น่าน - ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดน่านต่อยอดอาชีพจักสาน พัฒนาการทำสีเคลือบหวายเพิ่มมูลค่าสินค้าท้องถิ่น ขยายโอกาสทางการตลาด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเตือนคนงานไทยเร่งพัฒนาตนเองทั้งด้านภาษา-เทคโนโลยี รับตลาดเสรีก่อนไทยเข้า AEC
นายประพันธ์ มนทการติวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรยกระดับฝีมือ สาขาการทำสีเคลือบลวดลายผลิตภัณฑ์จากหวาย ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดน่าน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลศรีภูมิ ได้จัดการฝึกอบรมระหว่างวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา ณ กลุ่มอาชีพจักสานบ้านดอนตัน ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ซึ่งมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผ่านการฝึก 16 ราย
นางศรีวิไล สวนกูล ผอ.ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดน่าน กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมหลักสูตรยกระดับฝีมือ สาขาการทำสีเคลือบลวดลายผลิตภัณฑ์จากหวาย เพื่อเป็นการต่อยอดให้กับผลิตภัณฑ์จากหวายของกลุ่มอาชีพจักสานบ้านดอนตัน ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกรุ่นนี้เป็นกลุ่มอาชีพจักสาน ที่ได้รวมกลุ่มกันประกอบอาชีพในการผลิต ผลิตภัณฑ์จากหวายเพื่อส่งขายอยู่แล้ว แต่ยังมีสมาชิกกลุ่มที่ยังขาดทักษะฝีมือและเทคนิคต่างๆ
การฝึกอบรมครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับฝีมือให้สามารถผลิตสินค้าได้มีคุณภาพเป็นที่ถูกใจต่อลูกค้ามากขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ ทักษะฝีมือและประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาอาชีพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปเป็นการเพิ่มทักษะและการเพิ่มมูลค่าสินค้าท้องถิ่นให้เป็นที่สนใจและเพิ่มโอกาสทางการตลาดมากยิ่งขึ้นด้วย
ขณะที่ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดแรงงานที่ไทยกำลังจะเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ว่า แรงงานไทยจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้เป็นแรงงานที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการในกลุ่มอาเซียน โดยจะต้องพัฒนาจุดอ่อน เติมจุดแข็งและต้องให้ความสำคัญเน้นหนักไปที่เรื่องของภาษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสาร ในอนาคตอย่างน้อยต้องได้ถึง 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ที่เป็นภาษาสากล และภาษาในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งก็จะต้องมีการฝึกอบรมเรื่องของภาษาเพื่อการสื่อสารให้มากยิ่งขึ้น เพราะในอนาคตอันใกล้เมื่อมีการเปิดเสรีด้านแรงงานจะทำให้มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีค่าจ้างถูกกว่าแรงงานไทย ไหลเข้ามาแข่งขันแย่งตลาดแรงงานในประเทศไทย ซึ่งหากแรงงานไทยมีศักยภาพสูงก็สามารถที่จะเป็นแรงงานในประเทศที่ให้ค่าจ้าง ค่าตอบแทนได้สูงเช่นเดียวกัน ฉะนั้น แรงงานไทยจะต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มตลาดแรงงานในอนาคตจะเป็นสาขาแรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ ช่างแม่พิมพ์ อิเลคทรอนิคส์ ช่างฝีมือ ช่างเชื่อม ซึ่งแต่ละสาขาก็ต้องมีการพัฒนาและเรียนรู้เรื่องของเทคโนโลยีที่สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ยังให้ความสำคัญทางด้านอาชีพอิสระ เพื่อรองรับผู้ว่างงานและนักศึกษาจบใหม่ โดยมีนโยบายเพิ่มหลักสูตรอาชีพอิสระ ซึ่งจะต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งเรื่ององค์ความรู้การบริหารจัดการสำหรับกิจการและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่และการส่งเสริมศักยภาพ พัฒนาคนในระดับพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
