ประธานสภาอุตสาหกรรมเชียงราย เผย พร้อมเปิดรับตลาดเสรีอาเซียน ชี้ ธุรกิจในพื้นที่ขยายกว่า 3 เท่า คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ระบุระบบสาธารณูปโภค มีการพัฒนารองรับโดยเฉพาะถนน R3A ที่เชื่อมระหว่างไทย ลาว และ จีนตอนใต้ ขณะที่ความต้องการแรงงานพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะช่างก่อสร้าง ช่างยนต์ และช่างเชื่อม
นายเกรียงไกร วีระฤทธิพันธ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2558 ว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนหน้าด่าน ที่มีการติดต่อค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า และเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนตอนใต้ โดยขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ ผ่านไปยังประเทศลาว และจีนตอนใต้ ซึ่งมีชื่อว่า ถนน R3A ซึ่งจะเป็นถนนสายเศรษฐกิจสำคัญในการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทยรวมทั้งน้ำมันไปยังประเทศเพื่อบ้านโดยเฉพาะจีนตอนใต้ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จในกลางปีหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการลงทุนของจังหวัดเชียงรายมีการขยายตัวเพื่มขึ้นถึง 3 เท่าในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท เชื่อว่า หลังจากสะพานดังกล่าวแล้วเสร็จจะทำให้การค้าและการลงทุนของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงการท่องเที่ยวจะขยายตัวมากขึ้น ทำให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็นดาวรุ่งของการเป็นแหล่งลงทุนทั้งของชาวไทยและชาวต่างประเทศ
นายเกรียงไกร กล่าวถึงสถานการณ์ด้านแรงงานใน จ.เชียงราย ว่า ขณะนี้ตลาดแรงงานกำลังต้องการแรงงานสาขาด้านยายนต์ ช่างก่อสร้าง และช่างเชื่อม เนื่องจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า ก็ได้มีการขยายตัวในธุรกิจต่างๆ ซึงทำให้เกิดโครงการก่อสร้างจำนวนมาก ส่งผลให้มีความต้อการแรงงานสาขาเหล่านี้จำนวนมากตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทางสภาอุตสาหกรรมจ.เชียงรายได้ร่วมกัยหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์พัฒน่าฝีมือแรงงาน เพื่อเตรียทความพร้อมแรงงานไทยก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยส่งเสริมให้แรงงานในการยกระดับฝีมือให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในภูมิภาคนี้ ตลอดจนส่งเสริมให้มีทักษาะด้านภาษาอังกฤษ และภาษาที่สามคือภาษาในประเทศอาเซียนด้วยกัน ขณะเดียวกัน ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและประเพนณีของประเทศเพื่อบ้านให้มากขึ้น และในทางกลับกันก็จะอบรมวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้แก่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยด้วย
“เราไม่ห่วงเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานในอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 เพราะแรงงานไทยมีทักษะฝีมือเป็นที่ยอมรับ และได้มาตรฐานของต่างประเทศ แต่ต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของภาษาและประเพณีวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย ส่วนแรงงานต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในไทยก็จะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานระดับชาติก่อน ซึ่งจะเป็นการกลั่นกรองคนที่จะเข้ามาทำงานได้มีประสิทธิภาพ พร้อมยังเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะสามารถคัดเลือกคนที่มีความพร้อมได้มากขึ้น เราไม่ได้มองว่าเป็นความเสี่ยงแต่มองว่าเป็นโอกาสของแรงงานมากกว่า” นายเกรียงไกร กล่าว
น.ส.นันทรัตน์ สุทธนะ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงราย กล่าวว่า เรื่องการเคลื่อนย้านแรงงานเสรีอาเศียน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของเรา เพราะเรามีกลุ่มเป้าหมายธุรกิจที่ชัดเจน และก็ไม่รู่สึกกังวลแรงงานจะไหลออกไปทำงานในระเทศอื่นๆเนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ของเราเป็นแรงงานในพื้นที่ ซึ่งมีความต้องการทำงานในภูมิลำเนาอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน หากมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านมาสมัครทำงานเมื่อมีการเปิดเสรีก็พร้อมพิจารณาหากมีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่งเฉพาะ
“ยอมรับว่า การเปิดเสรีแรงงานอาเซียนในมุมมองของโรงแรมเราอาจจะจ้างแรงงานที่ถูกลงได้ และในมุมมองของคนไทยก็อาจจะมองว่าคนไทยจะถูกแย่งงานมากขึ้น เพราะเรามีจุดอ่อนด้านภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ทางโรงแรมของเราก็มีระเบียบมาตรฐานในการคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน โดยเฉพาะลูกค้าเป้าหมายของเรา 50% เป็นคนไทย ส่วนอีก 50% เป็นต่างชาติ เช่น จีน ยุโรป และอเมริกา ตามลำดับ เพราะฉะนั้น แรงงานของโรงงานส่วนใหญ่จะต้องพูดภาษาไทยได้ ขณะเดียวกัน โรงแรมได้เน้นการรับพนักงานรุ่นใหม่ นอกจากจะมีทัษนคติที่ดีในด้านงานบริการแล้ว จะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษ และภาษาจีน รวมทั้งมีการให้ความรู้ด้านวัฒนาและประเพณีของประเทศต่างๆ” น.ส.นันทรัตน์ กล่าว
นายเกรียงไกร วีระฤทธิพันธ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2558 ว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนหน้าด่าน ที่มีการติดต่อค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า และเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนตอนใต้ โดยขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ ผ่านไปยังประเทศลาว และจีนตอนใต้ ซึ่งมีชื่อว่า ถนน R3A ซึ่งจะเป็นถนนสายเศรษฐกิจสำคัญในการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทยรวมทั้งน้ำมันไปยังประเทศเพื่อบ้านโดยเฉพาะจีนตอนใต้ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จในกลางปีหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่าการลงทุนของจังหวัดเชียงรายมีการขยายตัวเพื่มขึ้นถึง 3 เท่าในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท เชื่อว่า หลังจากสะพานดังกล่าวแล้วเสร็จจะทำให้การค้าและการลงทุนของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงการท่องเที่ยวจะขยายตัวมากขึ้น ทำให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็นดาวรุ่งของการเป็นแหล่งลงทุนทั้งของชาวไทยและชาวต่างประเทศ
นายเกรียงไกร กล่าวถึงสถานการณ์ด้านแรงงานใน จ.เชียงราย ว่า ขณะนี้ตลาดแรงงานกำลังต้องการแรงงานสาขาด้านยายนต์ ช่างก่อสร้าง และช่างเชื่อม เนื่องจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว พม่า ก็ได้มีการขยายตัวในธุรกิจต่างๆ ซึงทำให้เกิดโครงการก่อสร้างจำนวนมาก ส่งผลให้มีความต้อการแรงงานสาขาเหล่านี้จำนวนมากตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทางสภาอุตสาหกรรมจ.เชียงรายได้ร่วมกัยหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์พัฒน่าฝีมือแรงงาน เพื่อเตรียทความพร้อมแรงงานไทยก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยส่งเสริมให้แรงงานในการยกระดับฝีมือให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในภูมิภาคนี้ ตลอดจนส่งเสริมให้มีทักษาะด้านภาษาอังกฤษ และภาษาที่สามคือภาษาในประเทศอาเซียนด้วยกัน ขณะเดียวกัน ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและประเพนณีของประเทศเพื่อบ้านให้มากขึ้น และในทางกลับกันก็จะอบรมวัฒนธรรมประเพณีของไทยให้แก่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยด้วย
“เราไม่ห่วงเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานในอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 เพราะแรงงานไทยมีทักษะฝีมือเป็นที่ยอมรับ และได้มาตรฐานของต่างประเทศ แต่ต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของภาษาและประเพณีวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย ส่วนแรงงานต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในไทยก็จะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานระดับชาติก่อน ซึ่งจะเป็นการกลั่นกรองคนที่จะเข้ามาทำงานได้มีประสิทธิภาพ พร้อมยังเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะสามารถคัดเลือกคนที่มีความพร้อมได้มากขึ้น เราไม่ได้มองว่าเป็นความเสี่ยงแต่มองว่าเป็นโอกาสของแรงงานมากกว่า” นายเกรียงไกร กล่าว
น.ส.นันทรัตน์ สุทธนะ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงราย กล่าวว่า เรื่องการเคลื่อนย้านแรงงานเสรีอาเศียน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของเรา เพราะเรามีกลุ่มเป้าหมายธุรกิจที่ชัดเจน และก็ไม่รู่สึกกังวลแรงงานจะไหลออกไปทำงานในระเทศอื่นๆเนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ของเราเป็นแรงงานในพื้นที่ ซึ่งมีความต้องการทำงานในภูมิลำเนาอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน หากมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านมาสมัครทำงานเมื่อมีการเปิดเสรีก็พร้อมพิจารณาหากมีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตำแหน่งเฉพาะ
“ยอมรับว่า การเปิดเสรีแรงงานอาเซียนในมุมมองของโรงแรมเราอาจจะจ้างแรงงานที่ถูกลงได้ และในมุมมองของคนไทยก็อาจจะมองว่าคนไทยจะถูกแย่งงานมากขึ้น เพราะเรามีจุดอ่อนด้านภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ทางโรงแรมของเราก็มีระเบียบมาตรฐานในการคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน โดยเฉพาะลูกค้าเป้าหมายของเรา 50% เป็นคนไทย ส่วนอีก 50% เป็นต่างชาติ เช่น จีน ยุโรป และอเมริกา ตามลำดับ เพราะฉะนั้น แรงงานของโรงงานส่วนใหญ่จะต้องพูดภาษาไทยได้ ขณะเดียวกัน โรงแรมได้เน้นการรับพนักงานรุ่นใหม่ นอกจากจะมีทัษนคติที่ดีในด้านงานบริการแล้ว จะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษ และภาษาจีน รวมทั้งมีการให้ความรู้ด้านวัฒนาและประเพณีของประเทศต่างๆ” น.ส.นันทรัตน์ กล่าว
