เชียงราย - ผอ.ศูนย์กระจายสินค้าและท่องเที่ยวสิบสองปันนาประจำจังหวัดเชียงราย ชี้จีนสั่งห้ามเรือแล่นในแม่น้ำโขงตั้งแต่จีนตอนใต้-อ.เชียงของ หลังเกิดเหตุกองกำลังติดอาวุธปล้นเรือจีนพร้อมสังหารหมู่ลูกเรือ ส่งผลกระทบการท่องเที่ยวตามเส้นทางแม่น้ำโขงไปจีนตอนใต้ ต้องยกเลิกทัวร์ที่นักท่องเที่ยวจองไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก อย่างไรก็ตามยังหันไปพึ่งเส้นทางท่องเที่ยวทางบกแทนได้ อีกทั้งเชื่อว่าทางจีนอาจใช้จังหวะนี้จัดระเบียบการเดินเรือใหม่
จากกรณีรัฐบาลจีนได้สั่งให้เรือทุกลำห้ามแล่นในแม่น้ำโขงจากจีนตอนใต้-อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีการเรียกเรือที่คงค้างอยู่ที่ท่าเรือเชียงแสนกลับหมดตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งว่านอกจากจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย พม่า ลาว และจีนตอนใต้ ซึ่งมีมูลค่าการค้าที่ท่าเรือเชียงแสนปีละกว่า 12,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องอาศัยเรือบรรทุกสินค้าของจีนในการขนส่งแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำโขงด้วย เนื่องจากเรือท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างเป็นเรือสัญชาติจีนด้วยเช่นกัน
นายพงษ์ธร ชยาตุลชาต ประธานบริษัทหย่าไทร์เอเชี่ยนทัวร์ จำกัด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์กระจายสินค้าและท่องเที่ยวสิบสองปันนาประจำจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าตามปกติเส้นทางแม่น้ำโขงจาก อ.เชียงแสน ไปยังเมืองเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เขตปกครองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางท่องเที่ยวของธุรกิจท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยในอดีตจะให้บริการในลักษณะไปเรือกลับเรือ ต่อมาเมื่อเส้นทางคมนาคมด้านอื่นๆ ดีขึ้น จึงพัฒนาเป็นไปรถกลับเรือหรือเครื่องบิน อย่างไรก็ตามเส้นทางที่นิยมกันมากที่สุดก่อนที่จะหยุดแล่นเรือคือไปรถกลับเรือใช้ระยะเวลา 3 คืน 4 วัน
ทั้งนี้ จากกรณีที่ทางการจีนสั่งให้หยุดแล่นเรือทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือไปด้วยเช่นกัน เพราะตามปกติจะมีการใช้เรือท่องเที่ยวจีนที่มีอยู่ในแม่น้ำโขงประมาณ 5 ลำ บางลำสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้นับร้อยคนในการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีเรือท่องเที่ยวอื่นๆ ที่คอยให้บริการตามโปรแกรมทัวร์มากมาย แต่เมื่อไม่มีการเดินเรือทำให้ต้องยกเลิกทัวร์ที่ลูกค้าจองไว้เป็นจำนวนมาก และหันมาทำการท่องเที่ยวบนเส้นทางทางบกสาย R3a อ.เชียงของ-ลาว-จีนตอนใต้ ระยะทางประมาณ 245 กิโลเมตรแทน ซึ่งราคาทัวร์บนถนน R3a ตามปกติจะคิดราคา 8,000-8,500 บาทต่อคน ระยะเวลา 3 คืน 4 วันโดยมีรถบริการ ที่พัก อาหารและอื่นๆ พร้อมสรรพ จากเดิมที่ในอดีตหากเพิ่มทัวร์ด้วยเส้นทางแม่น้ำโขงไปด้วยก็จะเพิ่มราคาค่าเดินทางเข้าไปอีกประมาณ 3,700 บาท
“ปกติจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางทั้งทางรถผ่านถนน R3a และเรือท่องเที่ยวแม่น้ำโขงรวมๆ ปีละประมาณกว่า 100,000 คน แยกเป็นการเดินทางเฉพาะทางบกผ่านถนน R3a ประมาณ 50,000 คน ซึ่งผลของการที่จีนสั่งให้หยุดเดินเรือก็ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในส่วนนี้คงต้องหายไปอย่างแน่นอน” นายพงษ์ธร กล่าว
ขณะเดียวกันนายพงษ์ธร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาถือว่าเส้นทาง R3a ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมเดินทางไปและกลับมากที่สุดในย่านนี้ไปแล้ว ดังนั้น ผลกระทบจากการหยุดเดินเรือแม่น้ำโขงของจีนจึงมีผลต่อธุรกิจทัวร์ส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยไม่ได้ส่งผลไปทั้งระบบเนื่องจากเส้นทางอื่นๆ ยังคงเดินหน้าได้อยู่และปัจจุบันมีความสะดวกสบายสามารถเดินทางจากไทยไปจีน ด้วยระยะเวลาเพียง 1 วันเท่านั้นด้วย ซึ่งหากเดินทางขาขึ้นด้วยเรือจะใช้เวลา 2 วัน 1 คืน และขาล่องใช้เวลา 1 วัน
ด้านนางผกายมาศ เวียร์รา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทแม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด กล่าวว่าผลกระทบจากการเดินทางกลับประเทศของเรือสินค้าจีน ถือเป็นผลกระทบทางการค้าอย่างชัดเจน จากกรณีเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามเราก็ต้องเข้าใจกับความรู้สึกของประเทศจีนด้วย ในการคำนึงถึงความปลอดภัยของกลุ่มผู้ประกอบการเรือสินค้าในแม่น้ำโขงทั้งหมด ซึ่งจากนี้ไปจีนอาจจะมองเรื่องการจัดระเบียบการเดินเรือและความปลอดภัยใน เส้นทางของแม่น้ำโขงมากขึ้น
“เบื้องต้นเข้าใจว่าทางการจีน จำเป็นจะต้องเรียกเรือและคนเรือกลับทั้งหมด เพื่อการสอบสวนพยานเพิ่มเติม ขณะเดียวกันในส่วนของผลกระทบทางการค้าในแม่น้ำโขง ต้องยอมรับว่าอาจจะเป็นผลกระทบอยู่บ้าง แต่ฝ่ายไทยเอง ก็ต้องเข้าใจ ที่ทางจีนจะแสดงท่าทีในลักษณะนี้ ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่เฉพาะการสืบสวนในทางคดีเท่านั้น แต่เชื่อว่าจีนก็จะใช้จังหวะนี้ในการจัดระเบียบการเดินเรือใหม่อีกครั้ง ที่อาจจะรวมถึงการวางมาตรการด้านความปลอดภัยของการเดินเรือในแม่น้ำโขง ซึ่งความร่วมมือนี้ จะต้องรวมถึงประเทศในกลุ่มที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับแม่น้ำโขงทั้งหมด ทั้งไทย ลาว พม่า และจีน” นางผกายมาศ กล่าว
สำหรับโครงการเรือท่องเที่ยวแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นโครงการของทางบริษัทฯ เรื่องนี้ อาจจะต้องรอความชัดเจนจากผลทางคดี และท่าทีของประเทศจีนไปก่อน ส่วนเรือท่องเที่ยวลำใหม่ที่ต่ออยู่ในประเทศจีน ซึ่งใกล้เวลาที่จะนำมาใช้งานได้แล้วนั้น คงไม่มีผลกระทบอะไรมาก เนื่องจากถือเป็นคนละเรื่องกัน และเราก็พร้อมที่จะรอและปรับตัวเข้ากับแนวทางปฏิบัติที่จะเกิดขึ้นจากนี้ ต่อไป หากจะต้องรอผลความชัดเจนในเรื่องของเส้นทางช่วงจากเชียงรุ้งมายังเชียงแสน นั้น ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะใช้เส้นทางเชียงแสน- เชียงของ และหลวงพระบาง สปป.ลาว ซึ่งเป็นเส้นทางล่องลงทางใต้เชื่อมไทย-สปป.ลาว ไปก่อน เพราะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยว และหากการเดินเรือสามารถทำได้ตามปกติค่อยกลับมาเชื่อมไทย-จีน ต่อไป