เชียงราย - ทางการจีนสั่งเรือสินค้าในแม่น้ำโขงกลับเชียงรุ่งหมด หลังเกิดเหตุรุนแรงจนลูกเรือตายยกลำมากกว่า 10 คน พร้อมประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่จาก พม่า ลาว ไทย คุ้มกันร่วม จนท.จีน ตลอดลำน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ต.ค.) ทางประเทศจีนได้มีการแจ้งไปยังกัปตันและลูกเรือสินค้าจีนในแม่น้ำโขง ที่ขนสินค้าในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนตั้งแต่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ มาจนถึงท่าเรือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ให้งดการแล่นเรือตามเส้นทางดังกล่าว และให้เรือทั้งหมดกลับไปยังท่าเรือที่จีนตอนใต้ โดยประกาศดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากคณะดำเนินการของของจีนได้จัดประชุมกันที่โรงแรมสยามไทรแองเกิ้ล อ.เชียงแสน เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายสุรชาติ จันทวัชรากร นายด่านศุลกากรเชียงแสน กล่าวว่า ภายหลังทางการจีนมีคำสั่งไปยังเรือสินค้าในแม่น้ำโขงดังกล่าว ได้ทำให้เรือทุกลำได้เตรียมตัวเดินทางกลับกันแล้ว โดยปัจจุบันมีเรือสินค้าจำนวน 26 ลำ ที่คงค้างอยู่ที่ท่าเรือเชียงแสน และทุกลำได้มีการนำสินค้าลงไปบรรทุกเอาไว้เต็ม ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้าไม่เน่าเสียง่าย เพราะลอยลำไม่แล่นเข้าและออกท่าเรือมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ (5 ต.ค.) แล้ว ซึ่งการเดินทางกลับครั้งนี้ จะไปเป็นคณะกองเรือขนาดใหญ่ โดยมีกองกำลังฝ่ายต่างๆ ให้การดูแลอย่างปลอดภัย
นายสุรชาติ กล่าวอีกว่า ในวันที่เรือจีนเดินทางออกไปหน่วยงานต่างๆ จะไปอำนวยความสะดวกในการเดินทางอย่างใกล้ชิดและร่วมในพิธีปล่อยกองเรือทั้งหมด ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าเรือที่แล่นออกไปครั้งนี้จะสามารถเดินเรือขนส่งสินค้าในแม่น้ำโขงได้อีกเมื่อไหร่ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องระหว่างประเทศที่จะต้องมีความร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินเรือในแม่น้ำโขงก่อน
สำหรับการคุ้มกันคาราวานเรือสินค้าจีนทั้ง 26 ลำดังกล่าว ทางประเทศจีนได้มีการส่งกองกำลังพร้อมเรือเร็วเดินทางมารับด้วย เพื่อป้องกันให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันได้มีการประสานไปยังประเทศพม่า สปป.ลาว และไทย ให้ช่วยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ขณะที่ประเทศไทยโดยหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ตำรวจน้ำ ฯลฯ ได้มีการจัดเตรียมกำลังเพื่อคุ้มกันเรือตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงสุดเขตแดนไทยบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เขตติดต่อกับบ้านต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า และเมื่อคาราวานเรือเข้าสู่น่านน้ำพม่าและ สปป.ลาว ไปทางทิศเหนือก็จะมีกำลังของพม่าและ สปป.ลาว คอยสนับสนุนการเดินทางต่อไป
ส่วนท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 ที่ ต.สบกก อ.เชียงแสน ซึ่งห่างจากท่าเรือแห่งเดิมออกไปเล็กน้อยก็จะดำเนินการไปตามปกติ และเชื่อว่าเมื่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้วเสร็จก็จะสามารถเปิดรองรับการค้าทางเรือได้ต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่า นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) หลังจากคณะเรือจีนออกไปจากประเทศไทยแล้ว จะทำให้บริเวณท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 เงียบเหงา การขนส่งสินค้าจะไม่คึกคักเหมือนเดิม โดยมีเพียงการข้ามเข้ามาซื้อสินค้าไทยประเภทอุปโภคบริโภคของคนลาวและเรือสินค้าลาวบางลำที่แล่นผ่านไปมาเท่านั้น
สำหรับความรุนแรงที่เกิดกับเรือสินค้าในแม่น้ำโขงดังกล่าวเริ่มรุนแรงขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีกองกำลังที่เคยเก็บค่าผ่านทางและค่าผ่านยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้า จนส่งผลกระทบไปถึงเรือสินค้าจีนหลายครั้ง กระทั่งราวปลายเดือน พ.ย.2553 ทางการพม่าได้ส่งกองกำลังเข้าปราบปรามกองกำลังติดอาวุธที่เมืองพยาก ในเขตรัฐฉาน สามารถยึดของกลางยาบ้าได้กว่า 2 ล้านเม็ด และขับไล่กองกำลัง ซึ่งคาดว่าคือกลุ่มของนายหน่อคำ โจรสลัดแม่น้ำโขงออกไปได้
ต่อมาวันที่ 21 พ.ย.2553 กองกำลังของ นายหน่อคำ ได้โต้กลับกองกำลังทหารพม่าที่เมืองเลน และถูกทหารพม่าตีโต้จนมีคนเสียชีวิตและหลบหนีเข้ามารักษาตัวที่ฝั่งไทยหลายคน กระทั่งมาเกิดเหตุรุนแรงปล้นเรือสินค้าจีนและพบยาบ้า 920,000 เม็ด พร้อมพบผู้เสียชีวิต ซึ่งมาจากเรือทั้ง 2 ลำจำนวนมาก และทำให้ทางประเทศจีนต้องส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปประสานความร่วมมือกับพม่า สปป.ลาว และไทย ในการตรวจสอบคดีและคุ้มกันเรือกลับ