เชียงราย - ทางการจีนสั่งเรือสินค้าในลำน้ำโขงจอดทอดสมอกันเป็นทิวแถว หลังเกิดเหตุสยองลูกเรือสินค้าจีนตายกันยกลำ ศพทยอยโผล่กลางแม่น้ำโขงต่อเนื่องแล้วกว่า 10 ศพ พร้อมส่ง จนท.กงสุลตรวจสอบสาเหตุแท้จริงใกล้ชิด
รายงานจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (10 ต.ค.) เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติจีนมากกว่า 10 ลำ ยังคงจอดทอดสมออยู่บริเวณท่าเรือเชียงแสน อ.เชียงแสน และตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.54 เป็นต้นมาก็ยังไม่ปรากฏมีเรือแล่นเข้าออกท่าเรือแม้แต่ลำเดียว
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุเรือสินค้าจีนจำนวน 2 ลำ คือ เรือ Hau Ping บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง และเรือ Yu Xing 8 บรรทุกกระเทียมและแอปเปิล จากท่าเรือเมืองเชียงรุ่งหรือจิ่งหง เขตปกครองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน ถูกกลุ่มคนติดอาวุธเข้าปล้น เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา บริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-สปป.ลาว
จากนั้นเป็นต้นมาก็ปรากฏศพลูกเรือจีนลอยมาตามแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง รวมแล้ว 11 ศพ มีทั้งผู้หญิง-ชาย อายุต่ำสุดประมาณ 22 ปี โดยบางศพอยู่ในสภาพถูกใส่กุญแจมือ-ปิดปากด้วยเทปกาว บางศพคอหัก จากจำนวนลูกเรือจีนทั้งหมด 13 คน
นายสุรชาติ จันทวัชรากร นายด่านศุลกากรเชียงแสน กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2553 มีการนำเข้ารวม 1,057 ล้านบาท และส่งออก 5,630 ล้านบาท สำหรับปี 2554 มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 11,000 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้าประมาณ 1,000 ล้านบาท และส่งออกประมาณ 9,000 ล้านบาท และสินค้าผ่านแดนประมาณ 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.54 หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว การค้าทางเรือสินค้าลุ่มน้ำโขงได้ยุติลงโดยสิ้นเชิง เพราะทางการจีนสั่งให้หยุดชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยและลูกเรือจีนก็กลัวจะได้รับอันตรายด้วย ดังนั้นจึงทำให้เกิดความเสียหายจากการค้าวันละประมาณ 200-300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีเรือสินค้าค้างอยู่ที่ท่าเรือเชียงแสนประมาณ 10 กว่าลำ
นายสุรชาติกล่าวอีกว่า โดยในเรือสินค้าที่ทอดสมออยู่ที่เชียงแสน เป็นเรือบรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภคและที่ไม่เน่าเสียหาย ซึ่งคนเรือยังเก็บเอาไว้อยู่ นอกจากนี้ ได้รับแจ้งว่าสินค้าขาเข้าก็อยู่บนเรือที่ท่าเรือสบหรวย ประเทศพม่า อีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นเรือบรรทุกสินค้าที่มีการตกลงซื้อขายกันไปแล้ว แต่ต้องรอดูสถานการณ์และนำสินค้าเก็บไว้บนเรือก่อน ส่วนสินค้าที่เน่าเสียง่ายคงจะขนส่งไปทางบกบนถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ แทน
ส่วนสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้จะคลี่คลายไปอย่างไรนั้น นายสุรชาติบอกว่า คงต้องรอดูท่าทีของฝ่ายต่างๆ กันก่อน โดยเฉพาะทางการจีนที่ต้องการรอผลสรุปของคดีที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมากดังกล่าวว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด กระทั่งมีความปลอดภัยแล้วจึงจะแจ้งไปยังเรือทุกลำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติจีนแล่นในแม่น้ำโขงต่อไป
สำหรับเหตุรุนแรงในแม่น้ำโขง ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ต.ค.54 เกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยทางเจ้าหน้าที่ทาง สปป.ลาว ได้แจ้งข่าวมายังกองกำลังผาเมืองของไทยว่าขบวนการค้ายาเสพติดได้ลักลอบขนยาบ้าจำนวนมากมากับเรือแม่น้ำโขง ต่อมาทางฝ่ายไทยสืบทราบว่ามีกลุ่มติดอาวุธได้เข้าปล้นยึดเรือทั้ง 2 ลำบริเวณบ้านสามพู จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้ามบ้านสินใจ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ไปทางทิศเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร จากนั้นได้นำเรือเข้าสู่น่านน้ำไทยด้าน อ.เชียงแสน จนทางเจ้าหน้าที่ไทยเข้าควบคุมเรือ
ผลการตรวจสอบบนเรือ Hua Ping พบกระสอบจำนวน 3 ใบ ภายในมียาบ้าจำนวน 520,000 เม็ด และเรือ Yu Xing 8 Hao พบกล่องต้องสงสัยจำนวน 1 กล่อง ภายในมียาบ้าจำนวน 400,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด 920,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท รวมทั้งบนเรือพบผู้เสียชีวิต 1 ศพ และปืนอาก้า 1 กระบอก
แต่เนื่องจากหลังจากนั้นมีการพบศพกัปตันเรือ ครอบครัวทั้งภรรยาและลูกซึ่งเป็นชาวจีน รวมทั้งลูกเรือรวมกันถึง 11 ศพ นำโดยนายหวง หย่ง กัปตันเรือ Hua Ping และยังสูญหายไปอีก 2 คน จึงทำให้ทางประเทศจีนให้ความสนใจเรื่องนี้มาก และมอบหมายให้ ดร.จู่ เหว่ย หมิง กงสุลใหญ่ประเทศจีน ประจำ จ.เชียงใหม่ และนายหวังหย่งชิง กงสุลประเทศจีนประจำ จ.เชียงใหม่ เข้าดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดโดยมีการนำศพไปชันสูตรพลิกศพแล้ว
รายงานจากชายแดนระบุว่า ในปัจจุบันการข่าวเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยระบุว่ามีกองกำลังติดอาวุธลุ่มแม่น้ำโขง ออกอาละวาดเก็บค่าผ่านทางและค่าผ่านยาเสพติดเหนือสามเหลี่ยมทองคำ โดยเฉพาะกลุ่มของนายหน่อคำ ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นโจรสลัดแม่น้ำโขง ทำให้ทางการจีนได้ส่งกำลังลงมาปราบปรามช่วงปลายเดือนกันยายน 54 ที่ผ่านมา รวมทั้งทางพม่า และ สปป.ลาว ก็ส่งกำลังเข้าปราบปรามจนทำให้กลุ่มโจรสลัดมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน เพื่อให้การเดินเรือสินค้าและท่องเที่ยวมีความสะดวก แต่หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์กัปตันพร้อมลูกเรือถูกเสียชีวิตเป็นจำนวนมากดังกล่าว