ฉะเชิงเทรา- เผยนาทีรอดชีวิต จากโศกนาฏกรรมบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ จนมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ ทั้งๆที่ต้องเสียชีวิตเป็นคนแรกกลับรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ และถูกช่วยเหลืออกมาจากซากตัวรถทั้งๆที่เกิดไฟไหม้
วันนี้ (10 ม.ค.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้รอดชีวิตหนึ่งในเหยื่อของรถตู้โดยสารเที่ยวด่วนมรณะ 6 ศพ สาย กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-บางคล้า บนถนนสาย 7 มอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-พัทยา คือ นายชนาธิป พิสุทธิทรัพย์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่300/1 ม.1 ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง ได้เล่าเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่งว่า เมื่อมีผู้ที่ต้องมาเสียชีวิตแทนตัวของเขาเองหรือเป็นการเปลี่ยนตัวคนตายแทน
นายชนาธิป กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเป็นวันที่จะต้องรีบเดินทางไปทำงานที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยเป็นผู้ใช้บริการรถตู้สายนี้อยู่เป็นประจำ และจะนั่งอยู่ที่เบาะหน้าด้านซ้ายคู่กับคนขับอยู่เสมอ เพราะเป็นคนตัวใหญ่มีความสูงถึง 2 เมตร จึงไม่เหมาะที่จะเข้าไปนั่งแออัดรวมกันกับผู้โดยสารด้านใน
ในวันที่เกิดเหตุนั้นตนเดินทางมาขึ้นรถล่าช้ากว่าปกติในทุกๆวันที่ผ่านมา และเมื่อมาถึงปรากฏว่าที่นั่งประจำมีคนนั่งแล้ว จึงต้องเข้าไปนั่งด้านในสุดของตัวรถที่บริเวณเบาะหลังด้านซ้าย ที่เหลือว่างอยู่เพียงตัวเดียว และเมื่อตนขึ้นรถเรียบร้อย รถได้ออกจากสถานีขนส่งหมอชิตพอดี ซึ่งหากมาช้ากว่านี้ก็อาจจะได้ขึ้นรถคันใหม่ หรือหากมาตรงเวลาก็จะได้นั่งที่ประจำก็ถือว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ หรือ ฟาดเคราะห์จากการบาดเจ็บในครั้งนี้
นายชนาธิป กล่าวต่อว่า ในช่วงเกิดเหตุการณ์นั้น ตนไม่เห็นอะไร เพราะหลับมาโดยตลอดทาง เพียงรู้ว่ารถคันดังกล่าว ใช้ความเร็วสูง และหลังจากเกิดเหตุ ได้ตื่นขึ้นมาเห็นรถจอดนิ่ง ซึ่งครั้งแรกเข้าใจว่ารถเกิดการเฉี่ยวชนกันเพียงเล็กน้อยและคนขับน่าจะกำลังเคลียร์กันอยู่ เพราะยังไม่รู้สึกเจ็บเนื่องจากในขณะนั้นร่างกายยังชาอยู่ จึงได้โทรศัพท์ไปหาญาติบอกว่าประสบอุบัติเหตุบนมอเตอร์เวย์เพียงเล็กน้อย
จากนั้นอีกไม่นาน ได้มีคนเข้ามาลากตนออกมาจากตัวรถแล้วรีบนำมาส่งโรงพยาบาล จนมาทราบภายหลังว่า กระดูกสะโพกแตกต้องดามใส่เหล็ก กระดูกสะบ้าหลุด ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงมาก ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และยังเกิดไฟลุกไหม้รถด้วย
“ผมต้องการให้ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังมากขึ้นกว่านี้เพราะตนเอง ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้บริการรถตู้โดยสารสายนี้อยู่เป็นประจำและที่ผ่านมามักจะขับเร็วมาโดยตลอด จึงต้องการให้ผู้ประกอบการ หรือคนขับให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น จะได้ไม่ต้องมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก โดยเพียงให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยดีกว่าขับเร็วแล้วไม่ถึง” นายชนาธิป กล่าว