อุตฯแปดริ้วสั่งปิดโรงผสมสีไม่มีกำหนด

ฉะเชิงเทรา - อุตสาหกรรมแปดริ้ว จัดหนัก เชือดโรงงานผสมสีทัน หลังพลิ้วข้อมูลไม่สำแดงสาเหตุของการระเบิด จนเกิดเพลิงลุกไหม้ทำคนงานเจ็บอื้อ โดยเตรียมสั่งปิดให้ทำการ แก้ไขปรับปรุงอย่างไม่มีกำหนด ก่อนเตรียมเรียกตัวเจ้าของผู้ประกอบการเข้าชี้แจงข้อมูล เพื่อทำบันทึกปากคำซ้ำอีกครั้ง เชื่อ สาเหตุเกิดจากสารผสมสีติดไฟ

วันนี้ (9 ม.ค.) เวลา 15.00 น. นายสุรพล สุทธจินดา อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ภายในโรงงานผสมสี ของบริษัท อาร์.เจ.ลอนดอน เคมิคอล อินดัสตรี จำกัด ตั้งอยู่ริมถนนสายสุวินทวงศ์ (304) มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา เลขที่ 42/4 ม.14 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้มีคนงานได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากเมื่อช่วงเช้าที่มาว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปทำการตรวจสอบแล้ว แต่บริษัทยังให้ข้อมูลหลายด้านอย่างมีพิรุธ และเชื่อว่า ไม่ตรงกับความเป็นจริง เกี่ยวกับต้นเหตุของการเกิดเหตุขึ้นในครั้งนี้

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า จุดเกิดเหตุนั้นอยู่ในส่วนของห้องบดสี และการผสมสี โดยมีเครื่องจักรผสมสีตั้งอยู่หลายเครื่อง ที่ผนังตัวอาคารโรงงาน และหลังคามีรอยทะลุเป็นรูโหว่ และถูกไฟไหม้ กว้างประมาณ 2-3 เมตร แต่ไม่ได้เกิดการลุกไหม้ที่ตัวเครื่องจักร

ทั้งนี้ เพลิงได้ลุกไหม้ภายนอกของตัวเครื่องจักร จึงเชื่อว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงลุกไหม้นั้น น่าจะมาจากสารโซลเวนท์ 6 (SOLVENT) ซึ่งเป็นส่วนผสมในการผลิตติดไฟ แต่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการลุกไหม้แน่ชัด และหลังเกิดเหตุคนงานจึงได้รับไอจากสารดังกล่าว

ขณะนี้ได้ให้โรงงานดังกล่าวหยุดดำเนินการผลิต เพื่อทำการตรวจสอบ ทำแผนการฟื้นฟูพื้นที่ การประเมินความเสี่ยงในการทำงานของตนเองขึ้นมา โดยต้องมีวิศวกรรับรอง และยังต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ในการทำแผนฟื้นฟูพื้นที่ ส่วนระยะเวลาของการสั่งปิด หรือให้หยุดดำเนินการนั้น อยู่ที่ความตั้งใจของโรงงานเองว่าให้ความร่วมมือในการดำเนินการแก้ไข หรือทำตามที่ทางราชการกำหนดมากน้อยแค่ไหน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ ร่างหนังสือสั่งปิดโรงงานแห่งนี้ไว้ก่อนอย่างไม่มีกำหนดแล้ว หรือจนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขจุดเกิดเหตุพร้อมมีอุปกรณ์ป้องกันภัยความปลอดภัยในจุดเสี่ยงที่ดีกว่านี้ จึงจะอนุญาตให้เปิดดำเนินกิจการได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ จะได้ให้ฝ่ายโรงงาน ส่งหนังสือเรียกตัวผู้ประกอบการให้เข้ามาทำบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน ที่ห้องประชุมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ในวันพรุ่งนี้อีกด้วย

สำหรับโรงงานดังกล่าวนี้เป็นโรงงานผสมสีสัญชาติไทย มีคนงานจำนวน 100 คน ประกอบธุรกิจผลิตสียี่ห้อ บอสนี่ (BOSNY) ในการส่งออกถึงร้อยละ 70 และจำหน่ายในประเทศเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่โรงงานดังกล่าวแห่งนี้หลังเกิดเหตุ ได้ให้พนักงานที่กำลังทำงานอยู่ภายในโรงงานเดินทางกลับบ้านไปจนหมดก่อนหน้าแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจสอบ จึงทำให้การตรวจสอบหรือสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้นด้วย