คนขับรถตู้เข้ามอบตัว อ้างทะเลาะกับแฟนคืนก่อนเกิดเหตุ จนเครียดทำให้นอนไม่หลับ จึงพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยหลับในจนวูบขับพุ่งชนท้ายรถพ่วง เสียใจไม่อยากให้เกิดเหตุร้าย พร้อมกราบขอโทษญาติผู้เสียชีวิต วอนอยากบวชให้ผู้ตาย ขณะที่ตำรวจ แจ้งข้อหาขับรถประมาท ทำให้คนตาย และหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือ
วันนี้ (9 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.8 บก.ทล. แถลงถึงการเข้ามอบตัวของ นายสมบูรณ์ ท่าฉลาด อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 599 ถ.ชุบทอง-ลำต้อยติ่ง แขวงชุบทอง เขตลาดกระบัง กทม.คนขับรถตู้โดยสารสายกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา ที่พุ่งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณ กม.43 ถ.มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-พัทยา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 7 ราย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายสมเกียรติ บุญมา อายุ 33 ปี นายชับรัชต์ โสสาร อายุ 34 ปี ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ มาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุเป็นหลังเทศกาลปีใหม่ ช่วงนั้นรถตู้ต้องวิ่งรับผู้โดยสารจำนวนมากจึงต้องขับรถตู้ตลอด โดยเที่ยวที่เกิดเหตุตนได้รับผู้โดยสารเต็มคันรถ จำนวน 13 คน เพื่อนำไปส่งที่สถานีขนส่ง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเมื่อขับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้ขับขี่อยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 ทางด้านซ้าย จากนั้นมีอาการหลับในจนวูบไป ซึ่งเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็เห็นท้ายรถพ่วงอยู่ในระยะกระชั้นชิด จนไม่สามารถหักรถหนีได้ทัน จึงพุ่งชนท้ายรถพ่วง และไม่ทันได้แตะเบรก อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากขับชนรถพ่วงแล้ว ตนได้ลงมาจากรถตู้ เพื่อมาดูเห็นผู้โดยสารเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคนอยู่บนรถ จึงเปิดประตูรถช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บลงมาก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ และเข้าช่วยเหลือผู้โดยสาร แต่ด้วยความตกใจจึงเดินหนีออกมาจากที่เกิดเหตุห่างประมาณ 2 กิโลเมตร จนถึงคอสะพานก็มีทางออกจากมอเตอร์เวย์ข้ามไปยังถนนคู่ขนาน จากนั้นได้หลบหนีไปพักบ้าน นางพันธิรา (ไม่ทราบนามสกุล) แฟนสาวที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
“หลังเกิดเหตุได้ติดตามข่าวที่เกิดขึ้นรู้สึกผิด จึงได้ติดต่อทางบริษัท เพื่อขอเข้ามอบตัวในวันนี้ ทั้งนี้ อยากฝากเพื่อนพี่น้องที่ทำอาชีพขับรถรับจ้างแบบผม ให้ตรวจสุขภาพตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอก่อนทำงาน เพราะไม่อยากให้เป็นแบบผม ซึ่งรู้สึกเสียใจไม่อยากให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ที่วันนั้นยังขับรถ เพราะคิดว่าผมยังสามารถขับรถได้ แต่ปรากฏว่า ร่างกายรับไม่ได้ เกิดจากที่ผมไม่ได้นอนพักผ่อนเพียงพอ เนื่องจากวันก่อนเกิดเหตุทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพท์จนเครียดนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ได้นอนเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น อยากกราบขอโทษญาติผู้เสียชีวิต และถ้ามีโอกาสจะไปบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต 3 เดือน” นายสมบูรณ์ กล่าว
ด้าน นายสมเกียรติ ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า มีอาชีพเป็นพนักงาน บริษัท ซีเฮชโอโต อินดัสทรี ทำเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ โดยวันเกิดเหตุได้เดินทางมาจาก จ.เชียงราย จากนั้นมาต่อรถตู้เพื่อกลับไปทำงานที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยนั่งอยู่แถวสุดท้าย โดยไม่ได้หลับ รู้สึกตัวตลอด ซึ่งรู้สึกผิดสังเกต เพราะรถตู้ขับเร็ว และหลังจากที่ขับผ่านด่านพานทอง โดยเมื่อมองจากกระจกหลัง เห็นคนขับมีอาการสัปหงก ส่ายหัวตลอด จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุเห็นรถพ่วงวิ่งด้านหน้า ซึ่งคิดว่าคนขับจะหักหลบ แต่ยังวิ่งด้วยความเร็วเช่นเดิม จนพุ่งชน จึงตกใจมาก โดยหลังเกิดเหตุพยายามรวบรวมสติ และเห็นว่า หลังคารถเปิดอยู่ จึงปีนหลังคาหนีออกมาได้ ซึ่งถือว่าโชคดีที่บาดเจ็บเพียงไม่มาก คือ ศีรษะแตก แต่อยากฝากถึงคนขับว่าอย่าขับรถเร็ว ถ้าสภาพไม่ดีอย่ามาขับรถ เพราะผู้โดยสารที่นั่งรถไปด้วยต้องฝากชีวิตไว้
พ.ต.อ.ธนวัตร กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อนายสมบูรณ์ คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกิดอันตรายแก่กายทรัพย์สินเสียหาย และหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือ และแจ้งเหตุแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมยื่นคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาหลบหนีไป พร้อมจะรีบทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาล
ส่วนสำนวนคาดว่า จะสามารถรวบรวมให้เสร็จได้ภายในสัปดาห์นี้ พร้อมรอผลจากกองพิสูจน์ฯ ในการตรวจสอบระบบความปลอดภัยของรถตู้คันที่เกิดเหตุ หากพบว่ามีความบกพร่องจะแจ้งข้อหาบริษัทฯรถตู้เพิ่มด้วย ส่วนกรณีที่เกิดไฟไหม้รถตู้ เนื่องจากขณะนำผู้เสียชีวิตที่อยู่ด้านหน้ารถออกมาต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดรถที่ติดกับส่วนท้ายรถพ่วง จึงทำเกิดประกายไฟขึ้นอย่างรวดเร็วไม่สามารถดับได้ทัน จึงลุกไหม้ทั้งคันรวมทั้งศพที่อยู่ด้านหน้ารถ
วันนี้ (9 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.8 บก.ทล. แถลงถึงการเข้ามอบตัวของ นายสมบูรณ์ ท่าฉลาด อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 599 ถ.ชุบทอง-ลำต้อยติ่ง แขวงชุบทอง เขตลาดกระบัง กทม.คนขับรถตู้โดยสารสายกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา ที่พุ่งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณ กม.43 ถ.มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-พัทยา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 7 ราย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายสมเกียรติ บุญมา อายุ 33 ปี นายชับรัชต์ โสสาร อายุ 34 ปี ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ มาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุเป็นหลังเทศกาลปีใหม่ ช่วงนั้นรถตู้ต้องวิ่งรับผู้โดยสารจำนวนมากจึงต้องขับรถตู้ตลอด โดยเที่ยวที่เกิดเหตุตนได้รับผู้โดยสารเต็มคันรถ จำนวน 13 คน เพื่อนำไปส่งที่สถานีขนส่ง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเมื่อขับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้ขับขี่อยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 ทางด้านซ้าย จากนั้นมีอาการหลับในจนวูบไป ซึ่งเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็เห็นท้ายรถพ่วงอยู่ในระยะกระชั้นชิด จนไม่สามารถหักรถหนีได้ทัน จึงพุ่งชนท้ายรถพ่วง และไม่ทันได้แตะเบรก อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากขับชนรถพ่วงแล้ว ตนได้ลงมาจากรถตู้ เพื่อมาดูเห็นผู้โดยสารเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคนอยู่บนรถ จึงเปิดประตูรถช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บลงมาก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ และเข้าช่วยเหลือผู้โดยสาร แต่ด้วยความตกใจจึงเดินหนีออกมาจากที่เกิดเหตุห่างประมาณ 2 กิโลเมตร จนถึงคอสะพานก็มีทางออกจากมอเตอร์เวย์ข้ามไปยังถนนคู่ขนาน จากนั้นได้หลบหนีไปพักบ้าน นางพันธิรา (ไม่ทราบนามสกุล) แฟนสาวที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
“หลังเกิดเหตุได้ติดตามข่าวที่เกิดขึ้นรู้สึกผิด จึงได้ติดต่อทางบริษัท เพื่อขอเข้ามอบตัวในวันนี้ ทั้งนี้ อยากฝากเพื่อนพี่น้องที่ทำอาชีพขับรถรับจ้างแบบผม ให้ตรวจสุขภาพตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอก่อนทำงาน เพราะไม่อยากให้เป็นแบบผม ซึ่งรู้สึกเสียใจไม่อยากให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ที่วันนั้นยังขับรถ เพราะคิดว่าผมยังสามารถขับรถได้ แต่ปรากฏว่า ร่างกายรับไม่ได้ เกิดจากที่ผมไม่ได้นอนพักผ่อนเพียงพอ เนื่องจากวันก่อนเกิดเหตุทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพท์จนเครียดนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ได้นอนเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น อยากกราบขอโทษญาติผู้เสียชีวิต และถ้ามีโอกาสจะไปบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต 3 เดือน” นายสมบูรณ์ กล่าว
ด้าน นายสมเกียรติ ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า มีอาชีพเป็นพนักงาน บริษัท ซีเฮชโอโต อินดัสทรี ทำเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ โดยวันเกิดเหตุได้เดินทางมาจาก จ.เชียงราย จากนั้นมาต่อรถตู้เพื่อกลับไปทำงานที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยนั่งอยู่แถวสุดท้าย โดยไม่ได้หลับ รู้สึกตัวตลอด ซึ่งรู้สึกผิดสังเกต เพราะรถตู้ขับเร็ว และหลังจากที่ขับผ่านด่านพานทอง โดยเมื่อมองจากกระจกหลัง เห็นคนขับมีอาการสัปหงก ส่ายหัวตลอด จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุเห็นรถพ่วงวิ่งด้านหน้า ซึ่งคิดว่าคนขับจะหักหลบ แต่ยังวิ่งด้วยความเร็วเช่นเดิม จนพุ่งชน จึงตกใจมาก โดยหลังเกิดเหตุพยายามรวบรวมสติ และเห็นว่า หลังคารถเปิดอยู่ จึงปีนหลังคาหนีออกมาได้ ซึ่งถือว่าโชคดีที่บาดเจ็บเพียงไม่มาก คือ ศีรษะแตก แต่อยากฝากถึงคนขับว่าอย่าขับรถเร็ว ถ้าสภาพไม่ดีอย่ามาขับรถ เพราะผู้โดยสารที่นั่งรถไปด้วยต้องฝากชีวิตไว้
พ.ต.อ.ธนวัตร กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อนายสมบูรณ์ คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกิดอันตรายแก่กายทรัพย์สินเสียหาย และหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือ และแจ้งเหตุแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมยื่นคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาหลบหนีไป พร้อมจะรีบทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาล
ส่วนสำนวนคาดว่า จะสามารถรวบรวมให้เสร็จได้ภายในสัปดาห์นี้ พร้อมรอผลจากกองพิสูจน์ฯ ในการตรวจสอบระบบความปลอดภัยของรถตู้คันที่เกิดเหตุ หากพบว่ามีความบกพร่องจะแจ้งข้อหาบริษัทฯรถตู้เพิ่มด้วย ส่วนกรณีที่เกิดไฟไหม้รถตู้ เนื่องจากขณะนำผู้เสียชีวิตที่อยู่ด้านหน้ารถออกมาต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดรถที่ติดกับส่วนท้ายรถพ่วง จึงทำเกิดประกายไฟขึ้นอย่างรวดเร็วไม่สามารถดับได้ทัน จึงลุกไหม้ทั้งคันรวมทั้งศพที่อยู่ด้านหน้ารถ