ศูนย์ข่าวศรีราชา - เกิดเหตุโศกนาฏกรรมรับอรุณบนถนนสายมอเตอร์เวย์ หลังตู้โดยสาร กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา เสยท้ายพ่วงคอนเทนเนอร์ 18 ล้อ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ 5 ศพ และผู้บาดเจ็บอีก 5 คน เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เมื่อเวลา 06.50 น. วันนี้ ( 6 ม.ค.) พ.ต.ท.สุริยัน วินิจมนตรี พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจหลวงหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ (สาย 7 อ่อนนุช)ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ รถตู้โดยสารพุ่งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดคาซากรถ
เหตุเกิดที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 34 ถนนสายมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-พัทยา ฝั่งขาออก (ก่อนถึงตัวเมืองจังหวัดชลบุรี ) พื้นที่หมู่ 9 ตำบลบ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ถึงจุดแบ่งเขตแนวรอยต่อพื้นที่ตำบลพิมพา อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ในที่เกิดเหตุพบรถตู้โดยสารสีขาว สาย กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-บางคล้า (ต.)เลขทะเบียน 10-2306 ฉะเชิงเทรา ระบุเลขข้างรถ ม.2 จ/9910-6 สภาพตัวรถด้านหน้าชนอัดก็อปปี้ติดอยู่กับหัวมุมล้อหลังด้านขวาของท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีแดง หมายเลขทะเบียน 75-3819 กรุงเทพมหานคร เลขข้างรถคันที่ 318 ของบริษัท TRTC ขนส่ง โดยมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ยืนเกาะรั้วมุงดูเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูและหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ได้ใช้เครื่องมือตัดถ่างเข้าทำการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บติดภายในรถ และพบว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ด้านหน้ารถตู้ 4 ราย เสียชีวิตขณะกำลังให้การช่วยเหลือ 1 ราย
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บหน่วยกู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 (บางปะกงปิยะเวช เดิม) 2 ราย และก่อนหน้านี้ชาวบ้าน ยังได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและนำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้าแล้ว 3 ราย ซึ่งหตุการณ์ในครั้งนี้รวมจำนวนผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5 ราย และมีผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลรวม 5 ราย
ในที่เกิดเหตุยังไม่พบคนขับรถตู้โดยสาร พบเพียง นายวรวุฒิ หาญละครอายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 11 ตำบลกุดน้อย อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วงและเพื่อนพนักงานประจำรถยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ในขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ ได้ระดมใช้เครื่องตัดถ่างตัดชิ้นส่วนตัวรถเพื่อลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิตทั้งหมดออกมาจากซากรถ ได้เกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้น จากเศษซากน้ำมันใต้ท้องรถ ก่อนจะโหมไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนกลายเป็นทะเลเพลิง ประกอบกับรถยนต์ทั้งสองคันที่เกิดอุบัติเหตุใช้ก๊าซ เอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง จึงทำให้ทุกฝ่ายที่อยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมชาวบ้านที่มายืนมุงดูต้องถอยร่น หนีออกห่างจากที่เกิดเหตุหลายร้อยเมตร
จนเจ้าหน้าที่ต้องทำการปิดกั้นการจราจรบนถนนสายมอเตอร์เวย์ นานนับชั่วโมง ทำให้รถที่ใช้เส้นทางดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก สร้างความสนใจให้แก่ผู้ที่กำลังใช้เส้นทางที่ต่างพากันเดินลงมาจากรถ และออกมายืนมุงดูอยู่ห่างๆ นอกจากนี้ในกองเพลิงยังมีเสียงของก๊าซที่เป็นเชื้อเพลิงพุ่งออกมาจากตัวถัง พร้อมกับเสียงยางล้อรถของทั้งสองคันที่เกิดระเบิดดังเป็นระยะๆ
นายวรวุฒิ หาญละครอายุ คนขับรถพ่วงกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถมาตามเส้นทางในช่องจราจรด้านซ้ายสุด หลังจากนั้นได้มีรถตู้พุ่งเข้าชนด้านท้ายอย่างจัง เบื้องต้นคาดว่าคนขับรถตู้น่าจะหลับใน จึงทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนท้ายรถพ่วง ขณะที่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกมานั้น ยังบรรจุผงสารเคมีไม่ทราบชนิด จึงยิ่งทำให้ในที่เกิดเหตุมีความน่าหวาดกลัวต่อการระเบิดและอันตรายจากสารเคมีมากยิ่งขึ้นไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยยังนำร่างของผู้เสียชีวิตที่ติดคาอยู่ในซากรถออกมาไม่หมด และยังคงเหลือร่างของหญิงสาวที่ติดอยู่ภายในบริเวณขอบประตูด้านข้างฝั่งซ้ายของตัวรถ ซึ่งเป็นด้านที่มุดเข้าไปยังใต้ท้องรถพ่วงอีก 1 คน ทำให้ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของชาวบ้านที่มุ่งดูเหตุการณ์ยิ่งเพิ่มความน่าสยดสยองมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นมือของหญิงสาวคนดังกล่าวยื่นโผล่ออกมาจากกองเพลิงขณะถูกไฟโหมลุกไหม้