ฉะเชิงเทรา - หลังเหตุการณ์เลวร้ายต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ผ่านพ้นเลยไปพร้อมกับกระแสข่าวที่กำลังจางหาย อย่างเช่น คดีรถตู้มรณะ 6 ศพ บนด่วนมอเตอร์เวย์ครั้งนี้ ก็เริ่มจะเลือนหายไปจากความทรงจำอีกคดีหนึ่งแล้วนั้น
จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง ที่ว่า “คงจะเป็นบุญ หรือปาฏิหาริย์ของตนเอง ที่ได้มีคนมาเปลี่ยนตัวตายแทนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้” เมื่อ “ชนาธิป พิสุทธิทรัพย์” หนุ่มร่างใหญ่วัย 31 ปี ชาว อ.แกลง จ.ระยอง ได้เล่าความย้อนหลังกลับไปถึงเหตุการณ์บังเอิญ ก่อนเกิดเหตุ หลังจากได้เป็นหนึ่งใน 7 ผู้รอดชีวิต ว่า
“การเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อไปทำงานยังในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยใช้รถตู้โดยสารสายนี้มาตลอดนั้น ปกติแล้วเขาจะได้เก้าอี้ในตำแหน่งผู้นั่งหน้าเคียงคู่กับคนขับ มาบนเบาะด้านซ้ายในทุกครั้ง ด้วยเหตุเพราะเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ถึง 2 เมตร จึงไม่เหมาะที่จะเข้าไปนั่งแออัดเบียดเสียดกันอยู่ที่ด้านใน ตำแหน่งเก้าอี้ของผู้โดยสารทั่วไป แต่บังเอิญที่ว่าในวันนั้นเขามาสาย เมื่อเดินทางมาถึงเก้าอี้ที่นั่งแบบเจ้าประจำได้ถูกยึดไปก่อนหน้าแล้ว เขาจึงต้องระเห็จไปนั่งที่เก้าอี้ตัวในสุดด้านท้ายรถ ที่ยังคงเหลืออยู่เพียงที่นั่งเดียว จึงทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดในวันนั้น”
พร้อมกับยังบอกอีกด้วยว่า “คล้ายกับมีคนมาเปลี่ยนตัวตายแทน ราวกับเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น และเหมือนกับว่าได้เกิดใหม่”
จากคำบอกเล่าของชายหนุ่มผู้นี้ ได้สะท้อนให้เห็นว่า คุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทย ระดับชนชั้นของผู้มีความจำเป็นที่ต้องใช้บริการรถโดยสารสาธารณะปนเปื้อนความเสี่ยงนี้ ต้องรอแต่เพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นหรือ! จึงจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้
จึงอยากฝากผ่านไปถึงคณะผู้บริหารประเทศ ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในชนชั้นและสถานะความเสี่ยงนี้ ได้รับรู้ และเร่งหาทางแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วน และให้ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่จะทำเพื่อประชาชนจริงๆ สักครั้ง
อนึ่ง ยังถือได้อีกว่า เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายหลักในกลุ่มผู้สนับสนุนที่เคยเรียกร้องมาโดยตลอดว่า “ต้องมีเพียงมาตรฐานเดียว” ในประเทศนี้