เชียงราย - เรือขนสินค้าจีนกลุ่มแรกที่เข้าเทียบท่าเชียงแสน ภายใต้การคุ้มกันจากกองกำลัง 4 ชาติ จีน พม่า ลาว ไทย แล่นทวนน้ำโขงกลับเชียงรุ่งแล้ว โดยมีกองกำลังตามคุ้มกันเพียบตลอดเส้นทาง ขณะที่มูลค่าการค้าทุกด่านแนวโน้มพุ่งสูงอีก
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่บริเวณท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เรือสินค้าจีนในแม่น้ำโขง ซึ่งเข้าไปเทียบท่าเรือตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หยุดเดินเรือในแม่น้ำโขงเมื่อวันที่ 14 ต.ค.54 เพราะเหตุการณ์ปล้นฆ่าลูกเรือจีนจำนวน 2 ลำ ก่อนหน้านี้ ได้ทยอยบรรทุกสินค้า ออกจากท่าเรือเชียงแสนแล้ว เพื่อนำสินค้าไปส่งยังท่าเรือที่เมืองกวนเหล่ย และ เชียงรุ้ง หรือ จิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ห่างจากท่าเรือเชียงแสนประมาณ 264 กิโลเมตร
เรือสินค้าจีนทั้งหมด ออกเดินทางเป็นกลุ่มๆ ละประมาณ 5 ลำ เพื่อรับการคุ้มกันจากกองกำลัง ไทย สปป.ลาว พม่า และตำรวจตระเวนชายแดนของจีนได้อย่างสะดวก ป้องกันการถูกโจมตีจากกองกำลังโจรสลัดแม่น้ำโขงที่เคยอาละวาดหนักบริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนพม่า-สปป.ลาว
ทั้งนี้ เรือทั้งหมดได้ออกเดินทางจากท่าเรือเชียงแสน ภายใต้การคุ้มกันดูแลของเจ้าหน้าที่ไทย เช่น ตำรวจน้ำ ตำรวจภูธร หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ฯลฯ ไปจนถึงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และส่งมอบให้กับตำรวจตระเวนชายแดนของจีน ซึ่งปักหลักนำเรือติดอาวุธ-เรือบัญชาการประมาณ 5 ลำ อยู่บริเวณโครงการคิงส์โรมันฯ ของเอกชนจีนอยู่ในฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ที่เข้าทำการคุ้มกันกองเรือสินค้าดังกล่าวต่อไป
สำหรับสินค้าที่ขนส่งไปครั้งแรก ส่วนใหญ่เป็นยางพารา เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำมันพืช รถยนต์จดประกอบจากต่างประเทศและส่งผ่านแดน หรือทรานซิส ซึ่งล้วนเป็นสินค้ายอดนิยมที่มีการส่งออกเป็นประจำก่อนเกิดเหตุการณ์รุนแรงอยู่แล้ว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากเรือสินค้าขาร่องดังกล่าวแล้ว ยังพบว่าได้มีเรือสินค้าจีนอีก 3 ลำเดินทางไปสมทบเรือที่เคยเทียบท่าเรือเชียงแสนตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาด้วย โดยมีการขนสินค้าประเภทพืชผักและผลไม้ไปส่งให้กับลูกค้าเหมือนเดิม
การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นที่น่าสังเกตว่าเรือแต่ละลำติดธงชาติทั้ง 4 ชาติ คือ ไทย พม่า สปป.ลาว และ จีน จากเดิมก่อนเหตุการณ์รุนแรงเรือมักติดธงตามสัญชาติของตนเองเป็นหลัก โดยเรือแม่น้ำโขงส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติจีน และตามริมฝั่งมีเรือเล็กสัญชาติลาว
ขณะที่ทางศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) ซึ่งใช้ตำรวจเป็นหน่วยงานประสานงานหลักและมี ศปปข.ส่วนหน้าอยู่ที่ท่าเรือเชียงแสนได้ประสานงานฝ่ายต่างๆ ตามความร่วมมือของ 4 ชาติด้วยความราบรื่น
สำหรับการค้าชายแดนไทย-จีน ด้าน จ.เชียงราย แม้จะได้รับผลกระทบจากการหยุดเดินเรือสินค้ามาถึง 2 เดือน หลังเหตุการณ์รุนแรง แต่ในภาพรวมมูลค่าการค้ายังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.54 ที่ผ่านมา มีการค้ากับจีนมูลค่ารวมกว่า 5,680.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.08% แยกเป็นการนำเข้า 2,319.13 ล้านบาท และส่งออก 914.05 ล้านบาท ส่วนการค้ากับ สปป.ลาว ไม่มีปัญหาใดๆ และกลับมีมูลค่าเพิ่มสูงเกินกว่า 118.08% โดยมีมูลค่ารวม 2,908.37 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 439.53 ล้านบาท และส่งออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ มีมูลค่า 7,830.02 ล้านบาท
ด้านการค้ากับพม่ามีมูลค่าการค้ารวม 10,189.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.32% แยกเป็นการนำเข้า 100.31 ล้านบาท ส่งออก 10,201.93 ล้านบาท โดยทุกด่านมีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นหลังสถานการณ์ความรุนแรงในแม่น้ำโขงทุเลาลง และ สปป.ลาว มีการพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่ทางพม่ามีความสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยต่างๆ โดยเฉพาะกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่มากขึ้นจนมาซึ่งบรรยากาศที่ดี ขณะเดียวกัน ได้ก็มีการยกเลิกสินค้านำเข้าไปยังพม่า 15 รายการ เช่น ผงชูรส น้ำหวาน เครื่องดื่ม ขนมปังกรอบทุกชนิด หมากฝรั่ง ฯลฯ นับตั้งแต่มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นต้นมาด้วย