xs
xsm
sm
md
lg

จีนจับยาเสพติดครั้งใหญ่ ก่อนเปิดเดินเรือน้ำโขงอีกครั้ง 10 ธันวาฯนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - หลายหน่วยงานในพื้นที่ชายแดนเชียงแสน เตรียมจัดพิธีต้อนรับเรือจีนกลับสู่แม่น้ำโขงอีกครั้ง หลังถูกสั่งหยุดยาวจากเหตุปล้น-ฆ่าลูกเรือจีนตายยกลำ 13 ศพ เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่จีน ส่งกองกำลังล่วงหน้ากวาดล้างครั้งใหญ่ก่อนปล่อยเรือแล้ว สะพัดจับยาเสพติดได้ครั้งมโหฬารทั้งยาบ้า เฮโรอีน ฝิ่นดิบ

วันนี้( 8 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ส่วนราชการต่างๆ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ด่านศุลกากร ฯลฯ ใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้เตรียมจัดพิธีต้อนรับเรือสินค้าจีน ที่จะกลับมาเดินเรือสินค้าในแม่น้ำโขงเพื่อการค้าในเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย สปป.ลาว พม่า และจีนตอนใต้ อีกครั้ง โดยออกเดินทางจากท่าเรือเมืองกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนที่มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ติดกับชายแดน สปป.ลาว จำนวน 9 ลำ วันที่ 10 ธ.ค.54 และพักค้างแรมกลางทางก่อนเดินทางมาถึงท่าเรือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในช่วงบ่ายวันที่ 11 ธ.ค.54

ถือเป็นการเดินเรือสินค้าครั้งแรก นับตั้งแต่รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้เรือจีนในแม่น้ำโขงกลับประเทศทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.54 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายบุกขึ้นปล้นและฆ่าลูกเรือจีน 2 ลำ คือ เรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง Hua Ping และเรือขนกระเทียมและแอปเปิล Yu Xing 8 บริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดน สปป.ลาว-พม่า และฆ่ากัปตัน ลูกเรือรวม 13 ศพ ก่อนที่เรือจะเข้าเทียบฝั่งไทยที่ริมฝั่งเขตหมู่บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน และเจ้าหน้าที่ไทยเข้าตรวจค้นบนเรือพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ 920,000 เม็ด จนทำให้รัฐบาลไทยและจีนได้เร่งรัดคลี่คลายคดี

ต่อมาได้มีทหารจากกองกำลังผาเมืองทั้งระดับสัญญาบัตรระดับ พ.ต.และชั้นประทวนรวม 9 นาย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนทยอยเข้ามอบตัวต่อคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจ (ตร.) โดยตรงในข้อหาพยายามฆ่าและปิดบังซ่อนเร้นศพ

สำหรับการเดินทางกลับมาของเรือสินค้าจีนในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากคดีเริ่มคืบหน้าและทางการ 4 ประเทศ ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) ตามข้อตกลงของคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่าย ที่ได้มีการประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย.54 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการเดินเรือในแม่น้ำโขง ตั้งแต่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ผ่านชายแดนพม่า-สปป.ลาว เรื่อยลงมาจนถึงท่าเรือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ระยะทางประมาณ 264 กิโลเมตร

ศปปข.จะมีการจัดตั้งหน่วยงานปฏิบัติงานที่ อ.เชียงแสน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงาน เช่น กรมเจ้าท่า นรข.เขตเชียงราย ตชด.ตำรวจภูธร ทหารผาเมือง ฯลฯ เพื่อดูแลความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนเริ่มการเดินทางดังกล่าว ทางการจีนได้ใช้กลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขงปราบปรามกลุ่มติดอาวุธต่างๆ อย่างหนัก โดยมีกระแสว่าล่าสุดเมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจจีนได้ร่วมกับกองกำลังท้องถิ่นของประเทศพม่า เข้าตรวจสอบบริเวณท่าเรือเมืองสบหรวย ประเทศพม่า ชายแดนพม่า-สปป.ลาว ห่างจาก อ.เชียงแสน ไปทางทิศเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร ปรากฏว่า พบเรือสินค้าชื่อ แก้วประเสิด มีคนขับชื่อ นายแสงจ่าย ชาวไทยใหญ่ และบนเรือมีของกลางเป็นยาเสพติดจำนวนมหาศาล ประกอบไปด้วย ยาบ้ากว่า 30 ล้านเม็ด เฮโรอีนประมาณ 300 กิโลกรัม ฝิ่นดิบประมาณ 2 คันรถกระบะ ซึ่งมีกระแสว่าเตรียมจะขนปะปนมากับคาราวานเรือสินค้าจีนที่จะมายังท่าเรือ อ.เชียงแสน ในวันที่ 11 ธ.ค.54 ด้วย

ขณะเดียวกัน มีอีกกระแสระบุว่า เรืออาจจะแวะที่ท่าเรือเมืองเชียงกก สปป.ลาว เพื่อขนยาเสพติดไปทางบกผ่านเมืองสิง-หลวงน้ำทา-เวียดนาม เพื่อขนยาเสพติดประเภทเฮโรอีนไปทางทะเล

ด้าน นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า จากการหารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระหว่างวันที่ 10-15 ธ.ค.นี้ ทางการจีนจะทยอยปล่อยเรือสินค้าจากท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งทางการไทยจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล และ สมช.ไปร่วมพิธีปล่อยเรือด้วย

ทั้งนี้ ทางภาคเอกชนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เศรษฐกิจการค้ากลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง และยังได้ทำให้เกิดความร่วมมือใหม่ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง จากเดิมเป็นความร่วมมือเฉพาะการค้าก็ได้เพิ่มมาเป็นเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และการดูแลความปลอดภัยด้วย

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตก็อยากให้แต่ละประเทศโดยเฉพาะเมื่อมีการจัดตั้งเป็น ศปปข.ได้ร่วมกันขจัดภัยต่อการเดินเรือและปราบปรามกลุ่มที่ก่อเหตุที่ผ่านมาให้หมดไปด้วย

สำหรับการค้าทางเรือในแม่น้ำโขงก่อนมีเหตุการณ์ปล้นเรือจีนดังกล่าว แม้จะมีข่าวเรื่องเรือจีนถูกยิงหรือปล้นนานๆ ครั้ง ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่การค้าผ่านท่าเรือ อ.เชียงแสน ก็ยังมีมูลค่าสูง โดยในปี 2553 มีการนำเข้า 1,057.39 ล้านบาท ส่งออก 5,630.20 ล้านบาท ปี 2554 ถึงเดือน เม.ย.54 มีการนำเข้า 736.80 ล้านบาท ส่งออก 4,982.14 ล้านบาท ก่อนที่จะหยุดชะงักหลังเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวเป็นต้นมา



กำลังโหลดความคิดเห็น