ระยอง - จังหวัดระยอง ร่วมกับ 6 หน่วยงาน ลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อร่วมพัฒนาศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมระยอง หวังดูแลคุณภาพชีวิตคนมาบตาพุดและใกล้เคียง
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองระยอง นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธาน ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) พัฒนาศูนย์อาชีวะเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม จังหวัดระยองจาก 6 หน่วยงาน 4 ภาคส่วน ภาคราชการประกอบด้วยจังหวัดระยองและสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดระยอง ภาคเอกชน ได้แก่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภาคประชาชน ได้แก่ สมัชชาสุขภาพจังหวัดระยอง และภาควิชาการ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นอกจากนั้น ยังมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ศูนย์เพื่อนชุมชนและกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมี ดร.วัฒนา บันเทิงสุข ประธานสมัชชาสุขภาพ จ.ระยอง รศ.ดร.นันทวรรณ วิจิตรวาทการ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ นายชายน้อย เผื่อนโกสุม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ผอ.สถาบันปิโตรเคมี และ นายอติเทพ พิศาลบุตร์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ซึ่งมีกลุ่ม อสม.ผู้นำชุมชุมชน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมพิธี
นายปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ระยอง กล่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีแนวคิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเฉพาะการดำเนินงานของศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม คือ 1.บูรณาการงานอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม 2.ร่วมพัฒนาฐานข้อมูลและระบบเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชน
3.พัฒนาการด้านบริการด้านอาชีวเวชศาสตร์ ให้มีมาตรฐานในระดับสากล สนับสนุนขีดความสามารถของบุคลากร 4.เพื่อศึกษาวิจัย สร้างองค์ความรู้และผลิตบุคลากรชำนาญการที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์ฯ และสร้างช่องทางการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานของศูนย์
ด้าน นายธวัชชัย ผวจ.ระยอง กล่าวว่า รัฐบาลที่แล้วได้ให้งบประมาณจังหวัดระยองในการแก้ไขปัญหาผลกระทบมลพิษมาบตาพุดแบบครบวงจรกว่า 2,000 ล้านบาท โดยการปรับปรุงสร้างและขยายโรงพยาบาลหลายแห่ง รวมทั้งวางท่อเมนประปาครบทุกพื้นที่ เพื่อให้คนมาบตาพุด มีน้ำประปาใช้ครบทุกหมู่บ้าน รวมทั้งมีการก่อสร้างศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ฯแห่งนี้ แต่ปัจจุบันนี้ยังขาดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯประมาณ 40 คน แต่มีเจ้าหน้าที่เพียง 20 คน ส่วนที่ยังขาดอีก 20 อัตรา จะได้รับความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มปิโตรเคมี จะทำให้ศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ สามารถบริหารจัดการเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตคนมาบตาพุดและใกล้เคียงลดน้อยลง
เมื่อเร็วๆ นี้ ได้พูดคุยกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหามาบตาพุด อ.เมืองระยอง ให้ต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาให้หมดสิ้นไป และ จังหวัดระยอง พร้อมที่จะเป็นฐานในด้านภาคอุตสาหกรรมที่จะรองรับการเจริญเติบโตกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อนำรายได้ภาคอุตสาหกรรมไปสู่การบริหารประเทศ รายได้ภาคอุตสาหกรรมจะเกิดขึ้นได้รัฐบาลต้องมีส่วนให้การสนับสนุน เรื่องโครงสร้างพื้นฐานฯลฯให้กับทางจังหวัดระยอง
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวความคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพราะจังหวัดระยองจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยในระยะยาว ซึ่งเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมตัวอย่างที่ค่อนข้างบูรณาการในด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ส่วนกรณีการให้ความร่วมมือบันทึกข้อตกลงพัฒนาศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ฯ เป็นเรื่องที่ภาคอุตสาหกรรม ต้องการให้ศูนย์อาชีวเวชศาสตร์ฯเป็นศูนย์กลางที่คอยดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างจริงจัง รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพประชาชนมีความโปร่งใส ทุกคนที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรม อยากเห็นทั้งโดยภาคอุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปร่วมกันได้ และความร่วมมือในวันนี้จะไม่หยุดแค่นี้จะต้องมีต่อไป เพื่อจะทำให้มาบตาพุดเป็นโมเดลสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศต่อไป