เชียงราย - "เฉลิม" เรียกประชุมใหญ่ สางปัญหายาเสพติด ดันเชียงรายนำร่อง เหตุมีการลักลอบนำเข้ามากที่สุดในภาคเหนือ ย้ำต้องปิดสกัดตลอดแนวพรมแดนให้ได้ เล็งนำข้อมูลแหล่งผลิตสารตั้งต้นที่มีมากที่สุดในอินเดียฟ้องยูเอ็น ไม่รับปากปราบยารุนแรงหรือไม่ ย้อนอเมริกาให้ดู “บุช ผู้พ่อ” เคยส่ง ฮ.จับ “พล.นอริก้า”ถึงปานามา
วันนี้ (5 พ.ย.54) ที่หอประชุมสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อ.เมือง จ.เชียงราย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดพื้นที่ จ.เชียงราย โดยมีฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ เข้าร่วมประมาณ 2,600 คน โดยที่ประชุมจัดให้ทางจังหวัดและตำรวจได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา
ซึ่งพบว่าสภาพปัญหายังคงน่าเป็นห่วง มีความพยายามของขบวนการค้ายาเสพติดในการนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยฝั่งพม่า มักจะมีการลักลอบลำเลียงเข้ามาทางเทือกเขาแดนลาว อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน และทาง สปป.ลาว ทางแม่น้ำโขง แม่น้ำรวก จนถึงเทือกเขาหลวงพระบางด้าน อ.เวียงแก่น และ อ.เทิง ขณะที่ทางตำรวจขอการสนับสนุนด้านอุปกรณ์กล้องถ่ายภาพกลางคืน เครื่องตรวจยาเสพติด เสื้อเกราะ เพราะที่ใช้กันอยู่มีอายุกว่า 5 ปี ใกล้หมดอายุแล้ว ฯลฯ ด้านฝ่ายสาธารณสุขระบุว่าปี 2554 มีผู้เข้ารับการบำบัดกว่า 5,515 คน ส่วนใหญ่อายุ 18-24 ปี
รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงต้นเรื่องการเสียชีวิตช่วงสงครามยาเสพติดสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 ศพ และถูกระบุว่าเป็นการฆ่าตัดตอน โดยระบุว่าหลังปฏิวัติยึดอำนาจโดยคณะมนตรีความมั่นคง (คมช.) ทาง พล.อ.สุรยุทธิ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบและประกาศเองว่า ไม่มีการฆ่าตัดตอน รวมทั้งระบุถึงข้อดีอีกว่า ได้ทำให้ผู้เสพยาเสพติดลดลงเหลือเพียงประมาณ 300,000 คน แต่ปัจจุบันกลับเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.2 ล้านคนแล้วด้วย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในอดีตเหว่ยเซี๊ยะกัง ซึ่งเป็นกลจักรในการค้ายาเสพติด เคยถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำบางขวาง ได้วางอุบายทำเป็นป่วยและหลบหนีไปได้ ปัจจุบันก็ไปอยู่ตรงกันข้ามภาคเหนือใกล้ จ.เชียงราย และตนเคยไปพูดคุยกับญาติพี่น้องเขา พบว่าได้มีการใช้เงินกว่า 40 ล้านบาทเพื่อการหลบหนี ปัจจุบันมีชีวิตที่ร่ำรวยมั่งมีสีสุขอยู่ในฝั่งพม่า ขณะที่ประเทศไทยต้องรับปัญหาเรื่องยาเสพติดอย่างหนัก
ต่อไปนี้จะเน้นการยึดทรัพย์และใช้ยุทธการตาสับปะรด เพราะไม่เชื่อว่าทุกพื้นที่ตำบล และหมู่บ้าน บรรดากำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจะไม่รู้เรื่องยาเสพติด ดังนั้นหลังจากวันนี้ให้ไปประชุมทุกพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ส่วนระดับอำเภอก็ให้นายอำเภอจับคู่กับ ผกก.สภ.ทุกแห่ง และระดับจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัด จับมือกับ ผบก.ภ.
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า เอกอัคราชฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเคยถามตนว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดครั้งนี้จะรุนแรงหรือไม่ ตนตอบว่า ไม่อาจทราบได้ และตนมองว่าคนที่มองเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้นห่วงมากเกินเหตุ ซึ่งตนได้บอกกับทูตสหรัฐไปเลยว่า ให้ดูตัวอย่างกรณีประธานาธิบดีบูช ผู้พ่อ ที่ทราบว่า พล.อ.นอริเอก้า แห่งปานามา เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ถึงกับส่งเฮลิคอปเตอร์นำกำลังเข้าไปพาตัวออกมาจากประเทศปานามา และนำมาจำคุกในสหรัฐนานกว่า 20 ปีก่อนส่งไปรับโทษต่อที่ฝรั่งเศส
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่าตนไม่นิยมให้ใช้การล่อซื้อยาเสพติด เพราะถือว่าเป็นความต้องการซื้อเทียม และล่อใจให้คนไปค้ายาเสพติดเสียเอง จึงต้องปล่อยตามธรรมชาติ โดยใช้การปิดชายแดนให้ได้ สกัดกั้นสารตั้งต้น ที่มีมากในอินเดีย ซึ่งตนจะนำเข้ามูลไปฟ้องยูเอ็นเอสซีอาร์ หรือองค์กรด้านยาเสพติดของสหประชาชาติต่อไป ควบคู่กับการดำเนินมาตรการป้องปราม ป้องกัน บำบัดรักษา และใช้หลักนิติรัฐ
"การผลิตยาเสพติดในบ้านเรามีไม่ถึง 5% แต่ผมอยากให้เชียงรายเป็นจังหวัดนำร่อง เพราะ 8 จังหวัดภาคเหนือผ่านเชียงรายกว่า 87% และจังหวัดที่นำเข้ามากคือเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ในภาพรวมทางภาคเหนือ 17% และอีสาน 13% ซึ่งเราต้องปิดชายแดนเห่งนี้ให้ได้"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาทั้งหมดจะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยเหลือจึงจะทำได้สำเร็จ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีจึงเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม