เชียงราย - โจรสลัดแม่น้ำโขงอาละวาดไม่หยุด ล่าสุดใช้อาวุธสงครามกราดยิงเรือบรรทุกสินค้าของจีนจนมีผู้บาดเจ็บถึง 4 คน เป็นชาวไทยใหญ่และมูเซอ ระบุโจรสลัดส่วนใหญ่จะคอยดักซุ่มโจมตีเรือสัญชาติจีนเฉพาะบริเวณตรงข้ามเมืองมอม สปป.ลาว โดยเรือแต่ละลำต้องจ่ายค่าผ่านทางให้กับกองกำลังฝ่ายต่างๆ ในแม่น้ำโขงเพื่อแลกกับความปลอดภัย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า (22 ก.ย.) ช่วงคืนที่ผ่านมาได้มีเรือสินค้าในแม่น้ำโขงสัญชาติจีนชื่อเรือเหวียนชิง ได้เข้าจอดเทียบท่าที่ท่าเรือ อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว และได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยว่าเรือได้ถูกระดมยิงจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายและเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน
โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ คือ นายอาต ไม่มีนามสกุล นายตี๋ ไม่มีนามสกุล นายวันแสง ไม่มีนามสกุล ชาวไทยใหญ่ และนายจะเออ จะซอ ชาวเขาเผ่ามูเซอ ทั้งหมดอายุประมาณ 30 ปีเป็นผู้โดยสารที่อาศัยนั่งมากับเรือจนได้รับบาดเจ็บ โดยถูกยิงด้วยอาวุธปืนตามร่างกาย เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยจึงให้การช่วยเหลือด้วยการนำตัวส่งมารักษายังโรงพยาบาลเชียงแสน แต่นายวันแสง อาการสาหัสกระสุนฝังในจึงต้องส่งรักษาต่อยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมือง อย่างเร่งด่วนในคืนเดียวกัน
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ภพกร คูณเจริญสุข ผกก.สภ.เชียงแสน ได้ไปตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สอบถามข้อมูลจากบุคคลที่เข้ามารับการรักษาที่ไม่ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้ความว่า ทั้ง 4 คนได้เดินทางทางเรือในแม่น้ำโขงโดยอาศัยนั่งเรือบรรทุกสินค้าจีนชื่อเรือเหวียนชิงมาจากท่าเรือกวนเหล่ย ประเทศพม่า ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำไปทางทิศเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร เพื่อจะมาทำธุระที่ท่าเรือ อ.เชียงแสน ของไทย
แต่เมื่อเรือแล่นผ่านบริเวณบ้านสามปู จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงกันข้ามเมืองมอม แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร ปรากฏว่าภูมิประเทศทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงเป็นป่าไม้หนาทึบได้มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธครบมือ นั่งมากับเรือเร็วในแม่น้ำโขงประมาณ 2 ลำ
จากนั้นกองกำลังบนเรือได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงถล่มเรือจีน ทำให้คนบนเรือต่างพากันหลบซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัย ช่วงนั้นกัปตันเรือจีนได้พยายามเร่งความเร็วเรือเพื่อหลบหนีเข้าเขตน่านน้ำของไทยซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธมักไม่ค่อยเคลื่อนไหวหรือติดตามมาถึง เพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยดูแลลาดตระเวนอยู่หลายหน่วยรวมทั้งไม่มีป่าไม้หนาทึบ
กระทั่งเรือสามารถแล่นเข้าสู่น่านน้ำไทยได้อย่างปลอดภัย แต่ตัวเรือก็ถูกยิงหลายจุดและคนบนเรือได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 คน โดยได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน ดังนั้นจึงได้พากันขอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงแสนดังกล่าว
พ.ต.อ.ภพกรกล่าวว่า อย่างไรก็ตามจะได้ให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บที่พอให้ปากคำได้อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้นถึงสาเหตุและเบาะแสการถูกถล่มยิงรวมไปถึงกลุ่มคนกองกำลังอาวุธ พร้อมจะทำการตรวจสอบเรือบรรทุกสินค้าที่โดนยิงด้วย โดยได้สนธิกำลังกับตำรวจน้ำเชียงแสนและหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ซึ่งลาดตะเวนตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวดอยู่แล้วต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับเหตุการณ์กราดยิงเรือสินค้าจีนในแม่น้ำโขงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเกิดขึ้นในแม่น้ำโขงบริเวณเดียวคือแถวบ้านโป่ง-บ้านสามปู จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงกันข้ามเมืองมอม สปป.ลาว จนเป็นเหตุให้คนเรือจีนหรือลูกจ้างได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง และเป็นที่น่าสังเกตว่าเรือที่ถูกกราดยิงมักจะเป็นเรือสัญชาติจีนที่แล่นไปมาระหว่างท่าเรือสบหร่วย ประเทศพม่า กับท่าเรือเชียงแสนของไทย
ส่วนเรือที่เดินทางมาจากท่าเรืออื่นๆ เช่น ท่าเรือเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เขตปกครองสิบสองปันนา ท่าเรือกวนเหล่ย มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน หรือท่าเรือต่างๆ ใน สปป.ลาว มักไม่ค่อยมีประวัติการถูกยิงถล่มเช่นนี้มากนัก กระนั้นก็มักมีกระแสข่าวว่าเรือแต่ละลำต้องจ่ายค่าผ่านทางให้กับกองกำลังฝ่ายต่างๆ ในแม่น้ำโขงเพื่อแลกกับความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
สำหรับกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวในแม่น้ำโขงและเป็นที่รู้จักกันดีมากที่สุด คือ กลุ่มของ “นายหน่อคำ” ชาวไทยใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือสามเหลี่ยมทองคำและมีอิทธิพลถึงขั้นเรียกเก็บค่าผ่านทางจากกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดทั่วเขตท่าขี้เหล็ก
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มมูเซอ กลุ่มเมืองลาเก่า กลุ่มปิตุชิด กลุ่มสานเป๊อะ ฯลฯ ที่เคลื่อนไหวอยู่แถบหมู่บ้านตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งนี้ นอกจากเรือสินค้าจีนแล้วพบว่าเมื่อหลายปีก่อนถึงขั้นมีการระดมยิงกองกำลังตำรวจจีนที่นำเรือเร็วลาดตระเวนคุ้มครองการค้าขายในแม่น้ำโขงจนทำให้ตำรวจจีนหลายนายได้รับบาดเจ็บด้วย ทำให้ทางการจีนได้ประสานกับพม่าและ สปป.ลาว ในการเข้มงวดจัดกำลังลาดตระเวนและเมื่อหลายเดือนก่อนเคยส่งนายทหารมาดูแลอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำในฝั่ง สปป.ลาวด้วย