เชียงราย - พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำส่อเค้าป่วนหนัก หลังกองกำลังติดอาวุธ “หน่อคำ” ออกอาละวาดปล้นเรือสินค้า-ท่องเที่ยว ในแม่น้ำโขงถี่ยิบ เปิดศึกงัดข้อกลุ่มทุนกาสิโนจีน ชิงอิทธิพลเหนือพื้นที่ช่องทางขนส่งสินค้า ทั้งบนดิน-ใต้ดิน ขณะที่ ฝ่ายความมั่นคงจับตาใกล้ชิด ผวา ทำยาเสพติดทะลักเข้าไทยเพิ่ม หลังเกิดเหตุยิงถล่ม-ผลักดันใบสั่งซื้ออาวุธโผล่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ระหว่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) เดินทางมาเชียงราย นอกจากจะพกแผนที่แสดงที่ตั้งโรงงานยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนด้วยตนเอง กระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือตอนบน คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ที่มีปัญหาการทะลักเข้ามาของยาเสพติดมากที่สุดเข้มงวดในการจับกุมแล้ว
คณะของรองนายกรัฐมนตรี พร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง นายทหารระดับสูงจากกองทัพภาคที่ 3 โดยกองกำลังผาเมือง และตำรวจภูธร จ.เชียงราย และตำรวจภูธรภาค 5 ยังให้ข้อมูลตรงกันว่า นอกจากขบวนการค้ายาเสพติดจะเกิดจากแหล่งผลิตในพื้นที่ของว้าแดง โกกั้ง มูเซอ จีนฮ่อ ม้ง และชนกลุ่มน้อยเหล่านี้มีการแบ่งหน้าที่กันลำเลียงไปยังตลาดเป้าหมายแล้ว พบว่า พื้นที่ทะลักเข้ามาของยาเสพติดที่สำคัญ คือ แม่น้ำโขง ที่กลุ่มขบวนการสามารถลักลอบนำเข้ามาได้ตลอดแนวชายแดนที่ติดกับ สปป.ลาว โดยมี 2 กลุ่มที่การข่าวเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจนอกกฎหมายนี้
กลุ่มแรก คือ กลุ่มติดอาวุธของนาย “หน่อคำ” ชาวไทยใหญ่ที่เคยคลุกคลีกับชนกลุ่มน้อยว้าแดง และปัจจุบันกลายเป็นหัวหน้าโจรสลัดแม่น้ำโขงที่มีชื่อเสียง หลังเกิดกรณีปล้นและยิงเรือสินค้าจีนในแม่น้ำโขงบ่อยครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายปีก่อน คาดการณ์กันว่า กลุ่มของนายหน่อคำ มีกำลังเพียง 20-30 คน เป็นกองกำลังติดอาวุธสงครามที่เคลื่อนไหวตั้งแต่ชายแดนพม่า-สปป.ลาว ตั้งแต่แถบเมืองเชียงกก หรือป่าเลียว-เชียงลาบ เรื่อยมาจนถึงเกาะสีดอนเรือง เหนือสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไปเล็กน้อย ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร จนถึงตัว จ.ท่าขี้เหล็ก อาศัยป่าเขาที่อำนาจรัฐของทั้งสองประเทศเข้าไปไม่ถึงสะดวก และเรือยนต์เร็วเป็นพาหนะหลัก
กลุ่มนี้วางตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในแม่น้ำโขง โดยจะเก็บค่าผ่านทางจากเรือสินค้าในแม่น้ำโขง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสินค้าสัญชาติจีน ที่เดินทางมาจากท่าเรือเชียงรุ้ง และกวนเหล่ย มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน และท่าเรือสบหรวย ประเทศพม่า และเรือสัญชาติลาว โดยหากผ่านเขตอิทธิพลก็จะเก็บค่าผ่านทางเที่ยวละ 2,000-4,000 บาท/รถยนต์คันละ 25,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลถึงขั้นข่มขู่เอากับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ด้วยการเก็บค่าผ่านยาบ้าเม็ดละ 3 บาท หากว่ากลุ่มใดไม่ยินยอมก็จะใช้ความชำนาญและกำลังติดอาวุธเข้าโจมตี
พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นติดต่อกันมานานหลายปี โดยแม้แต่เรือตำรวจเมืองเชียงรุ้งของจีนที่ลาดตระเวนดูแลเรือสินค้าของตน จนถึงบริเวณเขตอิทธิพลของนายหน่อคำ ยังถูกซุ่มโจมตีจนเรือเสียหาย และตำรวจจีนได้รับบาดเจ็บหลายนาย เมื่อปี 2551 และหลังจากนั้น ก็เกิดเหตุกรณียิงเรือสินค้าจีนที่ไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทาง จนทำให้คนเรือจีนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอยู่เสมอ
ทำให้เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน ทางการจีนได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่พม่า และ สปป.ลาว เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน รวมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำอยู่ที่โครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ที่ดำเนินการกลุ่มดอกงิ้วคำของจีน โดย บ.จินมูเหมิน จำกัด ที่มี “จ้าวเหว่ย” เป็นประธานบริษัท ได้ไปก่อตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เนื้อที่กว่า 10,000 ไร่สัญญาสัมปทาน 99 ปีด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยกับกลุ่มอื่น และความชำนาญของกลุ่มนายหน่อคำ ประกอบกับอาจจะมีกลุ่มอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวนอกเหนือจากกลุ่มนายหน่อคำ อยู่ด้วย จึงทำให้ปัญหาเรือสินค้าในแม่น้ำโขงถูกโจมตียังคงเกิดขึ้นหลายครั้ง
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 ก็สืบทราบการข่าวว่ ากลุ่มของนายหน่อคำ ยังได้ออกอาละวาดเก็บค่าผ่านทางอย่างหนักและต่อเนื่อง จึงได้เกิดความขัดแย้งกับทางโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ซึ่งก็ถือเป็นกลุ่มอิทธิพลทางเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงรายใหญ่และมีกิจการบ่อนกาสิโน รวมทั้งท่าเรือสินค้าและท่องเที่ยวในแม่น้ำโขง
พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่า มีความพยายามจากทางโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ที่จะลดอิทธิพลของกลุ่มหน่อคำ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันในช่วงหลัง และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวจากเรือเร็วในแม่น้ำโขงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล อ.เชียงแสน ของไทยด้วย โดยทาง "จ้าวเหว่ย" ได้ขอให้มีรถยนต์ประจำอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เพื่อคอยช่วยเหลือกรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บ สำหรับฝั่งไทยก็รับมาทำการรักษาตามหลักมนุษยธรรมและพยายามหาการข่าว เพื่อทราบเหตุผลและความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับความมั่นคงรวมทั้งยาเสพติดด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยคนหนึ่ง ระบุว่า ทางโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ได้มีการว่าจ้างให้เจ้าหน้าที่พม่าและ สปป.ลาว ช่วยกันป้องกันและปราบปรามกลุ่มของนายหน่อคำ จนทำให้กลุ่มนายหน่อคำ เริ่มถูกโจมตี
อย่างไรก็ตาม นอกจากกลุ่มหน่อคำ แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเอง ก็ยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มดอกงิ้วคำด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีรายงานการข่าวถึงความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยเกิดขึ้นภายในพื้นที่ของโครงการหลายครั้ง รวมทั้งข้อมูลทีมงานเฉพาะของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ถึงขั้นนำแผนที่ที่ตั้งของโรงงานและแหล่งพักยาเสพติดมาแฉกลางที่ประชุมและแจกจ่ายสื่อมวลชน เพื่อเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ภาคเหนือโดยเฉพาะผู้ว่าราชการ จ.เชียงรา และผู้บังคับการตำรวจภูธรได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะนำคณะไปตรวจสอบสถานการณ์ที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน เพื่อดูด้วยตัวเอง แต่เราจะใช้หลักเมตตาธรรมในการปฏิบัติโดยแจ้งให้ทราบว่ารัฐทราบว่ามีการกระทำใดเกิดขึ้นที่ใดบ้าง และยืนยันว่าจะเอาจริงกับเรื่องนี้เพื่อลดปัญหายาเสพติดในบริเวณนี้ให้ได้มากที่สุด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับเหตุการณ์ยิงกันในแม่น้ำโขงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเรือเร็วนำชายจำนวน 4 คน ไปส่งที่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน และเจ้าหน้าที่ไทยให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจนอาการปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดอ้างว่าเดินทางมากับเรือสินค้าจีน แต่จากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดไม่ได้เป็นคนเรือจีน โดยมีชื่อว่านายอาต นายตี๋ และนายวันแสง ชาวไทยใหญ่ และนายจะเออ จะซอ ชาวเขาเผ่ามูเซอ ทั้งหมดอายุประมาณ 30 ปี จึงทำให้เจ้าหน้าไทยยังคงเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบเรือสินค้าจีนตามที่ทั้งหมดกล่าวอ้าง จึงกำลังเฝ้าจับตามองอยู่เพราะเราเกรงว่าจะมีกลุ่มคนที่ฉวยโอกาสจากเหตุการณ์เข้ามารับการรักษาในฝั่งไทยหลังจากได้เข้าไปก่อเหตุในแม่น้ำโขงและเกิดปะทะกับกลุ่มกองกำลังที่ดูแลบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ได้ดำเนินคดีกับ 1 ใน 4 คนว่าออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตเพราะหนึ่งในนั้นเป็นคนไทยส่วนอีก 3 คนเป็นชาวต่างด้าวอยู่แล้ว
รายงานข่าวแจ้งต่ออีกว่า นอกจากกรณีชาย 4 คนจะถูกยิงได้รับบาดเจ็บอย่างมีเงื่อนงำดังกล่าวแล้ว พบว่าทางหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ยังได้จับกุมชายจำนวน 4 คนชื่อนายแรง ไข่มิ้น อายุประมาณ 40 ปี ชาวบ้านเลขที่ 96 ม.1 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และนายน็อตและนายปั๋นชาวไทยใหญ่ได้บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ พร้อมของกลางกระสุนปืนอาก้า ปลอกกระสุน และเอกสารภาษาไทยใหญ่จำนวน 4 เล่ม
เบื้องต้นทราบว่า เป็นบัญชีซื้อขายอาวุธที่สั่งจากฝั่งไทยและอาจมีรายชื่อของเจ้าหน้าที่ไทยบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งทั้งหมดมีโทรศัพท์มือถือรวมกันจำนวน 7 เครื่องโดยหนึ่งในนั้นมีการโทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ไทยคนหนึ่ง ซึ่งหลังเกิดเหตุตำรวจ จ.เชียงราย ได้ดำเนินคดีในข้อหามีเครื่องกระสุนอาวุธในครอบครองไว้ก่อน และเฝ้าดูพฤติการณ์แล้ว ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ก็ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย