ฉะเชิงเทรา - ตะลึงหลังพบหมู่บ้านปิด จนกลายเป็นต้นตอของปัญหาความผิดปกติทางด้านสติปัญญาของคนในพื้นที่เหตุเกิดจากในอดีตไร้ผู้คนสัญจรผ่าน จนกลายเป็นปัญหาสะสมทางด้านสายเลือดชิดทำพันธุกรรมซ้ำซ้อน ด้านโรงเรียนในพื้นที่เร่งหาหนทางช่วยเหลือ แก้ไขเยียวยา
วันนี้( 3 ก.ย.54 ) นายสมศักดิ์ วัฒนา อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยว่า หลังจากที่ผ่านมาทางผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ ได้ค้นพบปัญหาเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในหมู่บ้านว่า มีความบกพร่องทางด้านการเรียนรู้ หรือมีระดับสติปัญญาการเรียนรู้ที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาก จนกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "เด็กพิเศษ" และมีจำนวนมากในพื้นที่นั้น โดยพบว่ามากถึงกว่าร้อยละ 20 ของประชากรในปัจจุบัน
หลังจากพบปัญหา ทางครูอาจารย์ในโรงเรียน และผู้นำชุมชน ต่างได้นำปัญหาดังกล่าวมาช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุ และทำการสืบค้นภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของคนในพื้นที่ จึงได้พบว่า สาเหตุของปัญหาในอันดับต้นๆ เชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรมของคนในพื้นที่เอง ที่ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านปิดไร้ผู้คนสัญจรผ่านเข้ามายังหมู่บ้าน เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้นไม่สะดวกในการเดินทาง ชาวบ้านจึงอยู่กันอย่างตามมีตามเกิด
นานๆ ครั้งจึงจะออกไปติดต่อราชการยังนอกหมู่บ้าน ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางแบบข้ามวันข้ามคืน เนื่องจากระยะทางในสมัยนั้นต้องลัดเลาะไปไกลถึงกว่า 51 กม. จึงจะถึงตัวอำเภอสนามชัยเขต ซึ่งไม่เหมือนในปัจจุบันหลังจากช่วงระยะเวลาประมาณ 25 ปีที่ผ่านมานี้ ได้เริ่มมีถนนหนทางตัดผ่านเข้ามาถึงยังในหมู่บ้านแต่ก็ยังมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ เดินทางไม่สะดวกมากนักแต่ก็มีความรวดเร็วในการเดินทางมากขึ้น
จึงทำให้คนในหมู่บ้านไม่ได้ไปพบเจอกับผู้คนจากภายนอก หนุ่มสาวในสมัยนั้นจึงมองหาคู่ครองแต่เพียงคนในหมู่บ้านเดียวกันเองนี้ ซึ่งเป็นคนในกลุ่มสายเลือดชิดกัน หรือบางคู่มีความใกล้ชิดกันจนถึงขั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันทางสายเลือดและแต่งงานกันเองอีกด้วย จึงทำให้กลายเป็นปัญหาทางพันธุกรรมที่ซ้ำซ้อนในกลุ่มคนสายเลือดเดิมๆของคนในหมู่บ้านที่มีแค่เพียง 4-5กลุ่ม ที่เป็นคนในหมู่บ้านจากประชากรทั้งหมด 897 คน จาก 233 ครัวเรือน
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องในระดับรองๆ ลงมา คือ ปัญหามารดาดื่มสุราระหว่างตั้งครรภ์ หรือบริโภคอาหารไม่ถูกหลักตามโภชนาการในระหว่างตั้งครรภ์ และอาจได้รับสารพิษจากภาคเกษตรกรรมที่ปัจจุบันเกษตรกรใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงกันเป็นจำนวนมาก และถูกชะล้างไหลลงมารวมกันยังในหมู่บ้านแห่งนี้ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำในลักษณะแอ่งกระทะ จนกลายเป็นแหล่งรวมน้ำป่าระหว่างลำน้ำสองสายใหญ่ คือ แควระบมและสียัดที่จะไหลลงมารวมบรรจบกันยังบริเวณพื้นที่แห่งนี้
หลังจากการสืบค้นจนพบต้นตอของปัญหา ที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นปัจจัยหลักที่น่าเชื่อถือได้สูงว่า เป็นต้นตอของสาเหตุทางผู้นำชุมชนพร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษาครูอาจารย์ภายในโรงเรียนบ้านกระบกเตี้ย จึงได้พยายามเร่งหาหนทางที่จะแก้ไข และทำการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้ลดน้อยลงไปจากหมู่บ้าน
ด้านว่าที่ ร.ต.ธนากฤต นันทพานิช ผอ.โรงเรียนบ้านกระบกเตี้ย กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงพบปัญหา เด็กในโรงเรียน เกิดความบกพร่องทางสติปัญญาเป็นจำนวนมากในหมู่บ้านถึงกว่าร้อยละ 20 หรือจำนวน 23 คน จากเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียน 115 คน จากเมื่อช่วงก่อนหน้านั้น เคยพบมีมากถึงกว่าร้อยละ 30 ของเด็กในหมู่บ้านทั้งหมด หลังพบปัญหาก็ได้พยายามเรียกผู้ปกครองของเด็กและผู้นำชุมชน ให้มาร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหา
ในระยะแรกๆ ก็จะถูกปิดบังข้อมูลอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดจากเรื่องส่วนตัว พร้อมได้แนะนำวิธีการดำรงชีวิตให้เป็นไปในทิศทางที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำซ้อนตามมาอีก จากนั้นจึงพยายามที่จะระดมครูอาจารย์ภายในโรงเรียน ซึ่งมีอยู่เพียงจำนวน 8 คน ให้หาเวลานอกมาช่วยกัน นัดให้เด็กมาทำการเรียนการสอนพิเศษ แบบตัวต่อตัวในช่วงวันหยุด หรือหลังจากเลิกเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ทันเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียน
ที่ผ่านมาพบว่ามีเด็กอ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้เป็นจำนวนมากและเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลังจากตนได้ย้ายเข้ามาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่นี่ และได้เร่งทำการแก้ไขปัญหามาเป็นเวลากว่า 3 ปีเศษที่ผ่านมา
สำหรับโรงเรียนบ้านกระบกเตี้ยแห่งนี้ เป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านระดับประถมศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึง ป.6 แต่ยังขาดแคลนเกี่ยวกับหนังสือและอุปกรณ์ทำการสอนเด็กพิเศษ ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าหนังสือเรียนของเด็กทั่วไปและจำเป็นที่จะต้องมีห้องเรียนเพื่อทำการสอนเฉพาะเนื่องจากเด็กที่มีปัญหาเหล่านี้จะมีสมาธิสั้น เมื่อถูกรบกวนจากภายนอกก็จะทำให้เสียสมาธิเรียนไม่รู้เรื่อง
ขณะที่ นพ.วีระพงษ์ เพ่งวาณิชย์ ผอ.โรงพยาบาลพุทธโสธร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การที่ผู้ที่มีสายเลือดชิดกัน หรือพี่น้องแต่งงานกันเองนั้น ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้ยีนส์ทางพันธุกรรมที่ดี หรือยีนตัวเด่นอ่อนแอลง ในทางกลับกันก็อาจจะส่งผลทำให้ยีนตัวด้อยของสายพันธุ์ เมื่อมาเจอกันเองก็จะแสดงผล จึงส่งผลให้เด็กที่ได้รับยีนตัวด้อยมาทั้งคู่นั้น เมื่อเกิดมาจึงกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาทางด้านสติปัญญา หรือกลายเป็นเด็กพิเศษได้ เช่นเดียวกัน
วันนี้( 3 ก.ย.54 ) นายสมศักดิ์ วัฒนา อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยว่า หลังจากที่ผ่านมาทางผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ ได้ค้นพบปัญหาเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในหมู่บ้านว่า มีความบกพร่องทางด้านการเรียนรู้ หรือมีระดับสติปัญญาการเรียนรู้ที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาก จนกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "เด็กพิเศษ" และมีจำนวนมากในพื้นที่นั้น โดยพบว่ามากถึงกว่าร้อยละ 20 ของประชากรในปัจจุบัน
หลังจากพบปัญหา ทางครูอาจารย์ในโรงเรียน และผู้นำชุมชน ต่างได้นำปัญหาดังกล่าวมาช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุ และทำการสืบค้นภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของคนในพื้นที่ จึงได้พบว่า สาเหตุของปัญหาในอันดับต้นๆ เชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรมของคนในพื้นที่เอง ที่ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านปิดไร้ผู้คนสัญจรผ่านเข้ามายังหมู่บ้าน เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้นไม่สะดวกในการเดินทาง ชาวบ้านจึงอยู่กันอย่างตามมีตามเกิด
นานๆ ครั้งจึงจะออกไปติดต่อราชการยังนอกหมู่บ้าน ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางแบบข้ามวันข้ามคืน เนื่องจากระยะทางในสมัยนั้นต้องลัดเลาะไปไกลถึงกว่า 51 กม. จึงจะถึงตัวอำเภอสนามชัยเขต ซึ่งไม่เหมือนในปัจจุบันหลังจากช่วงระยะเวลาประมาณ 25 ปีที่ผ่านมานี้ ได้เริ่มมีถนนหนทางตัดผ่านเข้ามาถึงยังในหมู่บ้านแต่ก็ยังมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ เดินทางไม่สะดวกมากนักแต่ก็มีความรวดเร็วในการเดินทางมากขึ้น
จึงทำให้คนในหมู่บ้านไม่ได้ไปพบเจอกับผู้คนจากภายนอก หนุ่มสาวในสมัยนั้นจึงมองหาคู่ครองแต่เพียงคนในหมู่บ้านเดียวกันเองนี้ ซึ่งเป็นคนในกลุ่มสายเลือดชิดกัน หรือบางคู่มีความใกล้ชิดกันจนถึงขั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันทางสายเลือดและแต่งงานกันเองอีกด้วย จึงทำให้กลายเป็นปัญหาทางพันธุกรรมที่ซ้ำซ้อนในกลุ่มคนสายเลือดเดิมๆของคนในหมู่บ้านที่มีแค่เพียง 4-5กลุ่ม ที่เป็นคนในหมู่บ้านจากประชากรทั้งหมด 897 คน จาก 233 ครัวเรือน
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องในระดับรองๆ ลงมา คือ ปัญหามารดาดื่มสุราระหว่างตั้งครรภ์ หรือบริโภคอาหารไม่ถูกหลักตามโภชนาการในระหว่างตั้งครรภ์ และอาจได้รับสารพิษจากภาคเกษตรกรรมที่ปัจจุบันเกษตรกรใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงกันเป็นจำนวนมาก และถูกชะล้างไหลลงมารวมกันยังในหมู่บ้านแห่งนี้ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำในลักษณะแอ่งกระทะ จนกลายเป็นแหล่งรวมน้ำป่าระหว่างลำน้ำสองสายใหญ่ คือ แควระบมและสียัดที่จะไหลลงมารวมบรรจบกันยังบริเวณพื้นที่แห่งนี้
หลังจากการสืบค้นจนพบต้นตอของปัญหา ที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นปัจจัยหลักที่น่าเชื่อถือได้สูงว่า เป็นต้นตอของสาเหตุทางผู้นำชุมชนพร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษาครูอาจารย์ภายในโรงเรียนบ้านกระบกเตี้ย จึงได้พยายามเร่งหาหนทางที่จะแก้ไข และทำการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้ลดน้อยลงไปจากหมู่บ้าน
ด้านว่าที่ ร.ต.ธนากฤต นันทพานิช ผอ.โรงเรียนบ้านกระบกเตี้ย กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงพบปัญหา เด็กในโรงเรียน เกิดความบกพร่องทางสติปัญญาเป็นจำนวนมากในหมู่บ้านถึงกว่าร้อยละ 20 หรือจำนวน 23 คน จากเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียน 115 คน จากเมื่อช่วงก่อนหน้านั้น เคยพบมีมากถึงกว่าร้อยละ 30 ของเด็กในหมู่บ้านทั้งหมด หลังพบปัญหาก็ได้พยายามเรียกผู้ปกครองของเด็กและผู้นำชุมชน ให้มาร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหา
ในระยะแรกๆ ก็จะถูกปิดบังข้อมูลอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดจากเรื่องส่วนตัว พร้อมได้แนะนำวิธีการดำรงชีวิตให้เป็นไปในทิศทางที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำซ้อนตามมาอีก จากนั้นจึงพยายามที่จะระดมครูอาจารย์ภายในโรงเรียน ซึ่งมีอยู่เพียงจำนวน 8 คน ให้หาเวลานอกมาช่วยกัน นัดให้เด็กมาทำการเรียนการสอนพิเศษ แบบตัวต่อตัวในช่วงวันหยุด หรือหลังจากเลิกเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ทันเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียน
ที่ผ่านมาพบว่ามีเด็กอ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้เป็นจำนวนมากและเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลังจากตนได้ย้ายเข้ามาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่นี่ และได้เร่งทำการแก้ไขปัญหามาเป็นเวลากว่า 3 ปีเศษที่ผ่านมา
สำหรับโรงเรียนบ้านกระบกเตี้ยแห่งนี้ เป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านระดับประถมศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึง ป.6 แต่ยังขาดแคลนเกี่ยวกับหนังสือและอุปกรณ์ทำการสอนเด็กพิเศษ ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าหนังสือเรียนของเด็กทั่วไปและจำเป็นที่จะต้องมีห้องเรียนเพื่อทำการสอนเฉพาะเนื่องจากเด็กที่มีปัญหาเหล่านี้จะมีสมาธิสั้น เมื่อถูกรบกวนจากภายนอกก็จะทำให้เสียสมาธิเรียนไม่รู้เรื่อง
ขณะที่ นพ.วีระพงษ์ เพ่งวาณิชย์ ผอ.โรงพยาบาลพุทธโสธร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การที่ผู้ที่มีสายเลือดชิดกัน หรือพี่น้องแต่งงานกันเองนั้น ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้ยีนส์ทางพันธุกรรมที่ดี หรือยีนตัวเด่นอ่อนแอลง ในทางกลับกันก็อาจจะส่งผลทำให้ยีนตัวด้อยของสายพันธุ์ เมื่อมาเจอกันเองก็จะแสดงผล จึงส่งผลให้เด็กที่ได้รับยีนตัวด้อยมาทั้งคู่นั้น เมื่อเกิดมาจึงกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาทางด้านสติปัญญา หรือกลายเป็นเด็กพิเศษได้ เช่นเดียวกัน