xs
xsm
sm
md
lg

มฟล.เปิดเวทีย้อนรอย “คึกฤทธิ์”-ซินแสจีนทำนาย “แม้วรวย แต่ไม่มีแผ่นดินอยู่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนฯ ม.แม่ฟ้าหลวง เปิดเวทีจัดเสวนาย้อนรอย “คึกฤทธิ์” วิเคราะห์คำ “ประธานเหมา-คอมมิวนิสต์จะล้มเหลว เพราะคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัว” พลิกคำทำนายซินแสจีนปี 18 บอก “ทักษิณ จะรวยล้น แต่ไม่มีแผ่นดินอยู่”

วันนี้ (2 ก.ย.) ที่อาคาร พล.ต.อ.เภา สารสิน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร สถาบันขงจื้อแห่ง มฟล.ร่วมกับมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80ฯ และกระทรวงวัฒนธรรม จัดงานฉลองครบรอบ 100 ปีชาตกาล ศ.พล.ต.หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช โดยมีการเสวนาเรื่องสานต่อคมคิดหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช สู่อนาคตเศรษฐกิจ การศึกษาและวัฒนธรรม โดยผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการบริเวณศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิริธร และสถาบันขงจื้อแห่ง มฟล.ด้วย

นายกร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้เคยใกล้ชิดกับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ กล่าวเสวนาบนเวทีว่า หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ มีบทบาทด้านต่างๆ ทั้งการเมืองการปกครอง ศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม หนังสือพิมพ์ ฯลฯ จนถือเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง

สำหรับบทบาทด้านการบริหารบ้านเมืองเกิดขึ้นในยุควิกฤตของไทย 3 ครั้ง คือ หลังเหตุการณ์ ต.ค.2516 จนถึงปี 2518 เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะมีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ ปี 2517 ซึ่งขณะนั้นหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ได้เป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคมและต้องการยกมือให้กับพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมรัฐบาลและไม่เห็นว่ารัฐมนตรีจะมีประสิทธิภาพก็จะเลือก โดยให้เหตุผลว่าประเทศไทยพบวิกฤตขัดแย้งกันมามากแล้ว จึงสมควรจะสนับสนุนพรรคเสียงข้างมากได้บริหารประเทศให้พ้นภัย

แต่เนื่องจากมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ลุกขึ้นพร้อมกล่าววาจาในทำนองว่า หากไม่เห็นถึงประสิทธิภาพก็ไม่ต้องเลือก ทำให้พรรคกิจสังคม กลับมติไม่ยกมือให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผลทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด ท้ายที่สุดพรรคการเมืองต่างๆ ก็เลือกให้หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เสียงข้างน้อย 18 เสียง จนสามารถนำพาประเทศสู้วิกฤตต่างๆ ในปี 2518 ต่อไป

นายกร กล่าวอีกว่า ส่วนวิกฤตที่พบหลังจัดตั้งรัฐบาลคือประเทศเพื่อนบ้านของไทยคือเวียดนาม สปป.ลาว และกัมพูชา ได้กลายเป็นคอมมิวนิสต์ ภายใต้การสนับสนุนของจีนหมด และมีการส่งกำลังรถถังเข้าประชิดชายแดนไทย ขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา พึ่งแพ้สงครามเวียดนาม และยกเลิกนโยบายสนับสนุนกองทัพไทยทั้งหมด รัฐบาลนำโดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ประชุมกับเหล่าทัพแล้วทราบว่า สามารถรับมือกับการรุกรานได้เพียง 3 วัน รัฐบาลไทยจึงฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน หลังจากที่ผ่านมาไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมากก่อนขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยได้ส่ง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ในขณะนั้นไปเจรจากับรัฐบาลจีนนำโดย เหมา เจ๋อ ตุง ผ่านการติดต่อในองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ดังนั้น 3 บุคคลสำคัญที่ทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตโดมิโนคอมมิวนิสต์ ก็คือ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ -พล.อ.ชาติชาย และนายอานันท์ ในการเจรจากับจีนทำให้ไทยพ้นวิกฤต

คราวนั้น เหมา เจ๋อตุง ถามทาง พล.อ.ชาติชาย ตรงๆ ว่า สาเหตุที่ไปพบ เพราะกลัวจะถูกรุกรานใช่หรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบว่าใช่ เหมา เจ๋อตุง ก็ให้คำมั่นว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จะล้มเหลวในประเทศไทย เพราะประชาชนรักพระเจ้าอยู่หัวมาก แต่ก็เตือนไทยเรากลับมาอีกว่าความยากจนของคนไทยจะมีความน่ากลัวยิ่งกว่าการรุกรานของคอมมิวนิสต์เสียอีก จึงขอให้กลับไปแก้ไขเรื่องความยากจนเป็นสำคัญ”

เมื่อ หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ กลับไปบริหารประเทศไทย 11 เดือนก็ยุบสภา เพราะมี ส.ส.จำนวน 47 คนลงชื่อขอเป็นรัฐมนตรีทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ก็ไม่ยอม

ทั้งนี้ ช่วงบริหารประเทศได้มีนโยบายต่างๆ ที่เป็นรากฐานให้รัฐบาลชุดหลังๆ นำมาปฏิบัติมากมาย เช่น คนจนต้องรักษาฟรี แก้ไขความยากจน ฯลฯ รวมทั้งเป็นรากฐานทำให้เกิดความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยเฉพาะการเกิดสมาคมไทย-จีน ที่กรุงเทพฯ และสมาคมจีน-ไทย ที่ปักกิ่ง รวมทั้งขยายออกไปกว่า 458 สมาคมที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน

ช่วงหนึ่งของการเสวนา นายกร กล่าวถึงการอพยพเข้ามาของคนจีนในประเทศไทย ว่า มีมากว่า 300 ปียุคกรุงศรีอยุธยาแล้ว โดยเป็นคนไทยภาคใต้แถบกวางตุ้งที่ใช้ภาษาแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับคนจีนภาคเหนือและภาคกลางที่เราเคยรู้จัก

รวมทั้งมีศาสตร์ที่แม่นยำเรียกว่า “โหงวเฮ้ง” โดยเคยเกิดขึ้นชัดเจนแล้ว 2 ครั้งๆ แรกสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกครั้งที่ 2 มีพระภิกษุสามเณรบิณฑบาตในเมือง ซินแสชาวจีนดูโหงวเฮ้งแล้วบอกว่า ทั้งคู่จะได้เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ทั้งคู่ไม่เชื่อเพราะยังเยาว์วัยและเป็นเณร แต่ต่อมาคนหนึ่งได้กลายเป็นพระเจ้าตากสินมหาราช และอีกคนคือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1

อีกตัวอย่างเมื่อปี 2518 ที่ จ.เชียงใหม่ มีซินแสดูดวงให้ ร.ต.อ.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกตำรวจติดตาม ส.ส.เชียงใหม่ คนหนึ่งแล้วบอกว่า “ลื้อจะเป็นคนมีเงินมากจนไม่มีที่จะเก็บ แต่จะไม่มีแผ่นดินอยู่” ซึ่งข้อเท็จจริงนี้หลายคนได้ยินพร้อมๆ กันและเชื่อว่า แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในปัจจุบันก็คงจะจำได้



กำลังโหลดความคิดเห็น