ศูนย์ข่าวขอนแก่น -สสว.เป็นเจ้าภาพร่วมกับรัฐบาลจีน จัดงาน CISMEF 2011 งานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก พื้นที่จัดแสดงสินค้ากว่า 1 แสน ตร.ม.ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน 22-25 ก.ย.นี้ หวังแสดงอัตลักษณ์ไทย พร้อมนำ 5 อุตสาหกรรม SMEs ร่วมขยายตลาดหาลู่ทางธุรกิจ มั่นใจเกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 600 คู่ สร้างเม็ดเงินกว่า 450 ล้านบาท
วันนี้ (22 มิ.ย.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดแถลงข่าว การเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน China International SMEs Fair 2011 ครั้งที่ 8 ณ นครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยมี Mr.Yang Yang, Director General , Bureau of CISMEF และ น.ส.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ สสว.แถลงข่าว ณ ห้องบอลรูม 3 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพร่วมกับรัฐบาลจีนในการจัดงาน China International SMEs Fair (CISMEF) 2011 ครั้งที่ 8 ณ Pa Zhou Exibition Center นครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2554 โดยมีพื้นที่จัดงานกว่า 100,000 ตารางเมตร
การดำเนินงานครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างรัฐบาลจีนกับประเทศไทย ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการสร้างและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน และนานาชาติ สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริม SMEs ในปี 2554 ที่มุ่งให้เกิดการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาค
“ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกของอาเซียน ที่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน CISMEF 2011 เป็นงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจ SMEs ที่ใหญ่ที่สุดของจีนและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากเยอรมัน ด้วยพื้นที่จัดงานกว่า 1 แสน ตร.ม. คาดว่าจะมีผู้ประกอบการ SMEs ทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 30 ประเทศ เป็นโอกาสขยายการค้าการลงทุนของ SMEs ไทยไปจีนและนานาชาติ” รอง ผอ.สสว.กล่าว
มณฑลกวางตุ้ง เป็นตลาดการค้าที่สำคัญของไทย วัดจากตัวเลขการค้าระหว่างมณฑลกวางตุ้งกับไทย ปี 2553 ที่ผ่านมา มียอดการค้าระหว่างประเทศรวมมูลค่า 17,065 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 32.22 ของยอดการค้าทั้งหมดระหว่างจีนกับไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.3 ในจำนวนนี้เป็นการค้าโดยมณฑลกวางตุ้งนำเข้าสินค้าจากไทยคิดเป็น 11,945 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากมณฑลกวางตุ้ง มูลค่า 5,121 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25.74
น.ส.วิมลกานต์ กล่าวต่อว่า การเป็นเจ้าภาพร่วมครั้งนี้ ประเทศไทยได้รับจัดสรรพื้นที่จัดแสดงสินค้ารวม 10,500 ตารางเมตร กำหนดเป็น Thailand Pavilion ภายใต้แนวคิด Thai Lifestyle Sustainable Green Growth รวบรวมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสื่อสารภาพลักษณ์ความเป็นไทยด้วยกิจกรรม “ช็อป ชม ชิม” ประกอบด้วย ชอป โอกาสทางธุรกิจการค้าการลงทุน ระหว่างผู้ประกอบการ SMEs ไทยและจีน รวมถึงสินค้าคุณภาพของ SMEs ไทย
ชม ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นไทย และชิม อาหารไทย มีสาธิตการปรุงอาหารไทย ส่วนพื้นที่จัดงานจัดแบ่งเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 โซนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แสดงให้เห็นแนวคิด พระมหากษัตริย์ไทยกับความสัมพันธ์ไทย-จีน พระราชกรณียกิจฯ ในวโรกาสครบรอบ 84 พรรษา
ส่วนที่ 2 โซน Thailand Showcase พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมของภาคธุรกิจต่างๆของไทย รวมทั้งแสดงศักยภาพ SMEs ไทยในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทส่งเสริม SMEs
ส่วนที่ 3 เวทีการแสดงกลาง Thai Cultural Zone แสดงกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย ความบันเทิง สัมมนาให้ความรู้โอกาสทางการค้า การลงทุน ทั้งในไทยและจีน รวมถึงศักยภาพสินค้าไทยที่เข้าสู่ตลาดประเทศจีน
ส่วนที่ 4 โซนจำหน่ายสินค้าและจับคู่ธุรกิจ SMEs แสดงและจำหน่ายสินค้าของ SMEs ไทยจำนวนกว่า 200 บูธ มีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่ม Fashion and Lifestyle กลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพรไทย กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกลุ่ม Digital Content /Media Industry รวมถึงอิเลกทรอนิกส์ ยานยนต์ ปิโตรเคมี โดยจะจัดสรรพื้นที่เพื่อการเจรจาการค้าของผู้ประกอบไทย-จีน และนานาชาติ
รอง ผอ.สสว.กล่าวต่อว่า เชื่อว่างานนี้จะเป็นช่องทางสำคัญในการขยายโอกาสการค้าการลงทุนให้กับ SMEs ไทย คาดว่าจะมีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEs ไทยกับจีน และประเทศอื่น ไม่ต่ำกว่า 600 คู่ธุรกิจ คิดเป็นมูลค่ากว่า 450 ล้านบาท ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเป้าหมา สามารถสมัครเข้าร่วมงานได้ที่ www.sme.go.th