ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ไทยจับมือจีน ร่วมเป็นเจ้าภาพ China International SME Fair 2011 สสว.เผยเป็นงานใหญ่อันดับสองของโลก เตรียมรับมอบทำเลทองในงานจัด Thai Pavillion อวดชาวโลก ชี้ เป็นโอกาสทองของ SMEs ไทย เพราะเป็นตลาดใหญ่-คนจีนสนใจสินค้าไทย-รบ.จีนหนุนเต็มที่ แถมยังรับปากการจับคู่ธุรกิจจะมีผู้ประกอบการทั้งจีน-นานาชาติประกบผู้ประกอบการไทย แบบ 3 ต่อ 1 คาดจับคู่ได้ไม่ต่ำกว่า 600 คู่ เงินสะพัดร่วม 450 ล้าน
วันนี้ (21 มิ.ย.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้จัดการแถลงข่าวการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน China International SME Fair (CISMEF) 2011 โดยมีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และนายหยาง หยาง (Mr. Yang Yang) ผู้อำนวยการสำนักงานการจัดแสดงสินค้า SME นานาชาติแห่งประเทศจีน (Director General, Bureau of CISMEF) เข้าร่วมในการแถลงข่าวงาน China International SME Fair (CISMEF) เป็นงานแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมไปถึงการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEs ของจีนและของนานาชาติ และถือเป็นงานระดับนานาชาติทางด้าน SMEs ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากงานที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี
ทั้งนี้ งานดังกล่าวเริ่มจัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 โดยจะการเชิญประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีสถานกงสุลใหญ่ประจำที่นครกวางโจว เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งที่ผ่านมามีประเทศที่เคยได้รับเกียรติร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานมาแล้ว 6 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สเปน และ ออสเตรเลีย
สำหรับการจัดงาน China International SME Fair (CISMEF) 2011 จะจัดขึ้นที่ ผา โจว เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย.2554 โดยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 8 และประเทศไทยได้รับเกียรติจากรัฐบาลจีนให้ร่วมเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับเกียรติให้ร่วมเป็นเจ้าภาพในงานดังกล่าว
นายหยาง หยาง ผู้อำนวยการสำนักงานการจัดแสดงสินค้า SME นานาชาติแห่งประเทศจีน กล่าวถึงการจัดงานดังกล่าว ว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยได้มาร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ประเทศจีน หวังว่า ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมมือกันในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้มีโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุน รวมทั้งนำไปสู่ความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการทั้งของไทย จีน และนานาชาติ อีกด้วย
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกล่าวว่า การร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ประเทศไทยจะได้รับการจัดสรรพื้นที่ที่ดีที่สุดเพื่อจัดแสดงงาน รวม 10,500 ตร.ม.โดยกำหนดจะจัดเป็น Thailand Pavillion ภายใต้แนวคิด Thai Lifestyle Sustainable Green Growth ซึ่งจะนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นไทยผ่านกิจกรรม “ช็อป ชม ชิม” อันได้แก่ “ช็อป” โอกาสทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEs ไทยและจีน รวมไปถึงการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากผู้ประกอบการ “ชม” ศิลปวัฒนวัฒนธรรมและวิถีความเป็นไทย และ “ชิม”
ส่วนพื้นที่การจัดงานจะบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย โซนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โซน Thailand Showcase ซึ่งจะจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมของภาคธุรกิจของไทย โซนเวทีการแสดง Thai Cultural Zone และโซนจำหน่ายสินค้าและจับคู่ธุรกิจ SMEs จำนวน 200 บูธ โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 กลุ่ม ที่จะนำไปร่วมงาน ได้แก่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่ม Fashion and lifestyle กลุ่มเครื่องสำองและสมุนไพรไทย กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกลุ่ม Digital Content/Media industry
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวต่อไปว่า การที่ผู้ประกอบการไทยจะได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มสินค้าที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยได้รับความสนใจจากชาวจีนเป็นอย่างมาก ประกอบกับมณฑลกวางตุ้ง ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญสำหรับสินค้าไทย และมียอดการค้าระหว่างกันถึง 17,065 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 32.22 ของยอดการค้าระหว่างจีนกับไทย
สำหรับการคัดเลือกผู้ประกอบการที่จะเดินทางไปร่วมงานในครั้งนี้นั้น ทาง สสว.จะทำการประสานกับสมาคมหรือเครือข่ายของผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำการคัดเลือกผู้ประกอบการที่จะไปร่วมงาน โดยจะเน้นไปที่ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการทำตลาดและรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศได้ นอกจากนี้ ทางจีนยังระบุว่า ในการเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยแต่ละราย จะมีผู้ประกอบการจากจีนและประเทศอื่นไม่ต่ำกว่า 3 รายเข้าร่วมเจรจา ซึ่งจะทำให้การเจรจาจับคู่ทางการค้าในงานนี้มีไม่ต่ำกว่า 600 คู่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 450 ล้านบาท
