พิษณุโลก - ป่าไม้เดินเครื่องยึดรีสอร์ต “เขาค้อ” ต่อ ดำเนินคคดีเพิ่มอีก 6 แห่ง จับผู้ต้องหา 4 ราย ขณะที่ก่อสร้าง “รีสอร์ตไร่ภูเพรียงฟ้า” แถมรุกพื้นที่ปลุกป่าตามพระราชเสาวนีย์ร่วม 100 ไร่ พร้อมรอข้อมูลจัดสรรที่ดิน รอส.จากทัพภาค 3 ก่อนจัดระเบียบรีสอร์ตใหม่ทั้งหมด
หลังกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และทหารทัพภาค 3 เปิดยุทธการทวงคืน เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ตามคำสั่งของอธิบดีกรมป่าไม้ โดยมุ่งเน้นตรวจสอบพื้นที่ตลอดริมถนน 25 กิโลเมตร ตั้งแต่สามแยกแคมป์สน จนถึงตำหนักเขาค้อ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ จำนวน 1 แสนไร่ เว้นเพียง 5 หมื่นไร่ ที่รอกองทัพส่งข้อมูลตรวจสอบพื้นที่ขอใช้จากกรมป่าไม้ และได้จัดสรรให้ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) ว่า เหลืออยู่จริงอยู่เท่าใด เท่ากับว่า พื้นที่ป่าสงวนที่อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ 5 หมื่นไร่ ถูกตรวจยึดจับกุมเป็นอันดับแรกก่อน เพราะเป็นการก่อสร้างรีสอร์ตในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
โดยปฏิบัติการครั้งนี้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (นครสวรรค์) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกจับคนงานเฝ้ารีสอร์ตไปแล้ว 13 คดี หรือ 13 ราย ใน 2 แปลงขนาดใหญ่ ล่าสุด วันนี้ (26 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สามารถจับจับกุมรีสอร์ตเพิ่มอีก 6 คดี หรือ 6 แห่ง สามารถจับผู้ต้องหา 4 คนในรีสอร์ต “ไร่ภูเพรียงฟ้า” ระหว่างกำลังสร้างรีสอร์ต และถือว่าบุกรุกพื้นที่ปลูกป่า ตามพระราชเสาวนีย์ร่วม 100 ไร่ ในบริเวณหมู่ที่ 1 ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาปางก่อและป่าวังชมพู
นายจำเนียร หนูแย้ม ผอ.ส่วนป้องกันสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 เปิดเผยว่า วันนี้ได้จับกุมผู้บุกรุกก่อสร้างรีสอร์ต “ไร่ภูเพรียงฟ้า” ได้ผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ขณะที่ก่อสร้างรีสอร์ต นอกจากนี้ ยังจับกุมรีสอร์ตบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งหมดเป็น 6 คดี หรือจำนวน 6 รีสอร์ต การจับกุมครั้งนี้ได้ทำบันทึกจับกุมคดี เพื่อดำเนินดคี ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และ พ.ร.บ.ป่างสงวนแห่งชาติ ในข้อหา ร่วมกันยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ
“นับจากนี้ต่อไปจะดำเนินการตรวจสอบรีสอร์ตที่อยู่ในเขตป่าสงวนทั้งหมด แต่กำลังรอข้อมูลจากกองทัพภาคที่ 3 ว่า ราษฎรอาสมัครที่นำที่ดินของกรมป่าไม้ ไปทำกินนั้น เหลืออยู่เท่าใด และถ้าหากผิดเงื่อนไขก็ดำเนินการจับกุมเช่นกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ตที่ถูกจับกุมในเฟสแรก ถือเป็นพื้นที่ของกลุ่มของนายทุน ที่ซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้านเดิม ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนฯ ลักษณะเปลี่ยนมือ อาจเข้าข่ายไม่ใช่ผู้ครอบครองที่ดินก่อนมติ ครม.30 มิ.ย.40 ทว่าพื้นที่ขอใช้ของกองทัพภาคที่ 3 ยังถือว่า เป็นพื้นที่ ที่รอการตรวจสอบจากกองทัพภาคที่ 3 ว่า ผิดเงื่อนไขหรือเปลี่ยนมือหรือไม่ ก่อนส่งถึงมือสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (นครสวรรค์)
แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า พื้นที่อำเภอเขาค้อ เคยมีการจัดทำข้อมูลที่ดินจัดสรรแก่ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) ไปแล้วช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่เรื่องกลับเงียบ ทำให้วันนี้ พื้นที่บนส้นทางขึ้นพระตำหนักเขาค้อ เต็มไปด้วยบ้านพักและรีสอร์ตผุดขึ้นใหม่เป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะตำบลสะเดาะพง ตำบลหนองแม่นา
และที่ผ่านมา ชุดทำงานกองทัพภาคที่ 3 เคยเรียกราษฎรอาสาสมัคร ให้มารายงานพบว่า มีจำนวนไม่เกิน 169 ราย ซึ่งแต่ละคนได้รับการจัดสรรที่ดินคนละ 15 ไร่ ในระยะ 1-2 กิโลเมตรจากถนนใหญ่ แต่ ณ วันนี้ มีการบุกรุกแผ้วถางเพิ่มขึ้นมาก
สำหรับสัญญาการขอใช้ประโยชน์ที่ดินจากกรมป่าไม้ของกองทัพภาค 3 ได้สิ้นสุดลงแล้วในบางแปลง และยืนยันว่า ไม่มีแม่ทัพภาคที่ 3 คนใด กล้าต่อสัญญากับกรมป่าไม้ เพราะรู้ดีว่า ผิดเงื่อนไข! เนื่องจากที่ดินเดิมของ รอส. ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับนายทุนหมดแล้ว
ล่าสุด กองทัพภาคที่ 3 ตรวจสอบพบ รีสอร์ทริมถนน มีจำนวน 39 ราย มีการเปลี่ยนมือไปแล้ว 29 ราย และถูกกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินคดีและรื้อถอนไปเพียง 3 คดี ขณะที่ 10 รีสอร์ต ก็มีการบุกรุกเพื่อขยายพื้นที่รีสอร์ตลักษณะแผ้วถางป่าสงวน
“ข้อมูลที่ดิน รอส.ทั้งหมดกำลังรอการตรวจสอบและส่งให้สำนักจัดการป่าไม้ 4 นครสวรรค์ดำเนินการ หลังจากจัดการบ้านพักหรือรีสอร์ทหรู จำนวน 300-400 แห่งที่กรมป่าไม้ระบุว่าเข้าข่ายรุกป่าสงวนชัดเจน และถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ หากไม่ใช่เป็นผู้ครอบครองดั้งเดิม”