ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ตรวจฯกรมป่าไม้ นำกำลัง จนท.ชุดเฉพาะกิจ ลุยปักป้ายแจ้งการตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี 22 รีสอร์ต “เขาแผงม้า” บุกรุกป่าสงวนฯ“วังน้ำเขียว” โคราช ก่อนสั่งรื้อภายใน 45 วันตามอำนาจ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ เผยล่าสุดมีเจ้าของรีสอร์ตมาแสดงตัว 3 ราย ชี้คดีอืดเหตุต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน และระมัดระวังป้องกันถูกฟ้องกลับ พร้อมเตรียมแจ้งจับรีสอร์ตรุกป่าอีก 17 รายใหม่ ชี้รองอธิบดีฯ ถูกเด้งฟ้าผ่าไม่เกี่ยวเชือดนายทุนผู้มีอิทธิพลรุกป่าวังน้ำเขียว
วันนี้ (25 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยสะแกราช บ้านห้วยน้ำเค็ม ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดร.วิทูรย์ ชลายนนาวิน ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อสืบสวนดำเนินคดีการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและพื้นที่ต่อเนื่อง ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการกับรีสอร์ตบ้านพัก 22 แห่ง ที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา หลังกรมป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดี ไปก่อนหน้านี้
โดยมี นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา), นายไพโรจน์ ชุ่มเพ็งพันธ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 4 นคราชสีมา (เขาภูหลวง ) และคณะทำงานในพื้นที่ เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลและหารือแนวทางดำเนินการต่อไป ใช้เวลาในการหารือกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 10.30 น.ดร.วิทูรย์ ชลายนนาวิน ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ และ นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ได้นำนายไพโรจน์ ชุ่มเพ็งพันธ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 4 นคราชสีมา (เขาภูหลวง ) ซึ่งเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าของรีสอร์ตที่พักทั้ง 22 แห่ง เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ที่ สภ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์ระหว่างการให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ได้ข้อสรุปว่าทางกรมป่าไม้จะมอบให้ นายไพโรจน์ นำพนักงานสอบสวนไปชี้จุดที่ตั้งรีสอร์ตบ้านพักทั้ง 22 แห่งที่ได้แจ้งความเอาผิดไว้ เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนนำไปประกอบข้อมูลการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยได้ตกลงร่วมกันว่าจะไม่นำกำลังไปเป็นจำนวนมากเนื่องจากเกรงว่าจะถูกต่อต้านจากกลุ่มนายทุนเจ้าของรีสอร์ตบ้านพัก และมวลชน ในพื้นที่
ขณะที่ชุดของ ดร.วิทูรย์ และ นายสุเทพ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในสังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 กว่า 50 นาย ได้กลับมาประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยสะแกราชตามเดิม เพื่อวางแผนในการจัดชุดเฉพาะกิจฯ เข้าดำเนินการนำป้ายประกาศ แจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีไปติดไว้บริเวณด้านหน้ารีสอร์ต บ้านพัก ทั้ง 22 แห่ง เพื่อประกาศให้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว และห้ามเข้ามาบุกรุกเพิ่มเติม
ต่อมาในเวลา 12.30 น.ชุดเฉพาะกิจฯ ได้ช่วยกันนำแผ่นป้ายแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี มีซึ่งข้อความระบุว่า “พื้นที่บริเวณนี้ได้ดำเนินการตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ เนื้อที่ ...ไร่ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียว ป.จ.ว.ข้อ 9 คดีอาญาเลขที่ 734 - 755 / 2554 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2554” จำนวน 22 ป้าย มาขึงยึดติดกับหลักไม้ก่อนออกเดินทางไปปักป้ายตามจุดที่วางไว้ โดยมี ดร.วิทูรย์ เป็นผู้อำนวยการสั่งการติดป้ายด้วยตัวเอง
สำหรับจุดแรกที่ชุดเฉพาะกิจ นำป้ายประกาศดังกล่าวไปติดตั้งคือ รีสอร์ต “บ้านระเบียงดาว” ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว มีเนื้อที่จำนวน 12 ไร่ 21 ตารางวา คดีที่ 747 / 2554 มีนายฤทธิ์ เผือกขุนทด เป็นผู้ครอบครอง ภายในรีสอร์ตมีสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วย บ้านพักชั้นเดียว 8 หลัง, อาคารติดต่อที่พัก 1 หลัง, หอชมวิว 1 หลัง, เพิงสังกะสี 1 หลัง, ถังประปาเหล็ก 1 ถัง และห้องน้ำ 1 หลัง
จากนั้นได้เดินทางไปปักป้ายในจุดที่ 2 เป็นรีอสร์ตบ้านหลังคาสีม่วงทรงเหลี่ยม ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว ห่างจากรีสอร์ตจุดแรกไปประมาณ 1 กม. มีเนื้อที่จำนวน 13 ไร่ 1 งาน 57 ตารางวา คดีที่ 748/2554 ภายในมีสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วย บ้านพัก 2 ชั้น 1 หลัง, บ้านพักชั้นครึ่ง 1 หลัง, อาคารติดต่อบ้านพัก 1 หลัง, บ้านทรงสเปน 2 ชั้น 1 หลัง, บ้านพักห้องเดี่ยว 2 หลัง, บ้านพักห้องแถว 2 หลัง, อาคารเตรียมก่อสร้าง 2 หลัง, ศาลาจอดรถ 1 หลัง, บ้านพักคนงาน 1 หลัง และ เพิงชั่วคราว 1 หลัง
โดยได้มี นายเฉลียว ไม่ทราบนามสกุล ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของกับเจ้าหน้าที่ และ แจ้งว่ามีเอกสารครอบครองเป็นใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) และอยู่ในพื้นที่มานานตั้งแต่สมัยบิดา ทางคณะของ ดร.วิทูรย์ ได้แจ้งให้เตรียมเอกสารต่างๆ ไว้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ก่อนขอติดป้ายด้านหน้ารีสอร์ตตามหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทยอยตระเวนติดป้ายประกาศแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี ดังกล่าวให้ครบทั้ง 22 แห่ง ภายในสัปดาห์นี้
ด้าน ดร.วิฑูรย์ ชลายนนาวิน ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อสืบสวนดำเนินคดีการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ จ.นครราชสีมาและพื้นที่ต่อเนื่อง เปิดเผยว่า วันนี้ได้แบ่งการปฏิบัติงานออกเป็น 3 ชุด โดยชุดที่ 1 ได้นำพนักงานสอบสวนไปชี้จุดรีอสอร์ตบ้านพักที่มีการบุกรุกทั้ง 22 แห่งเพื่อประกอบสำนวนคดี ชุดที่ 2 ลงพื้นที่ติดป้ายประกาศแจ้งการตรวจยึดจับกุมความดำเนินคดีรีสอร์ตบ้านพักทั้ง 22 แห่ง ดังกล่าว และชุดที่ 3 ลงพื้นที่ไปตรวจสอบรีสอร์ตบ้านพักอีก 17 แห่งรายใหม่ที่มีการบุกรุกป่าสงวนป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว เพื่อหาจุดพิกัน GPS และ ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมก่อนแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อไป
ต่อข้อถามที่ว่า ป้ายประกาศดังกล่าวจะปักไว้นานกี่วันจึงจะเปลี่ยนเป็นป้ายสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 45 วัน ตามอำนาจ มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ดร.วิฑูรย์ กล่าวว่า ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับการสอบสวนคดีว่าเรียบร้อยหรือยัง และขึ้นอยู่กับความพร้อมของเจ้าหน้าที่ป่าไม้เองด้วย ซึ่งต้องมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง คิดว่าคงปักไว้จนกว่าจะมีการดำเนินการตามมาตรา 25 ดังกล่าว
ส่วนความคืบหน้าของการดำเนินคดี นั้น ดร.วิฑูรย์ กล่าวว่า ตอนนี้การรวบรวมพยานหลักฐานยังมีน้อยมาก เพราะเพียงแค่ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ยังไม่พอ ยังต้องมีการดำเนินคดีตามมาตรา 9 และมาตรา 54, 55 ของ พ.ร.บ.ป่าไม้ และต้องแจ้งผู้บุกรุกว่า ตรงนี้เป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นพื้นที่โซนซี ซึ่งเป็นโซนอนุรักษ์ที่ใครจะเอาไปทำอะไรไม่ได้ และจะผ่อนผันหรือให้เช่าก็ไม่ได้เช่นกัน
สำหรับปัญหาอุปสรรคตอนนี้ยังไม่มี แต่การทำงานอาจล่าช้าบ้างเพราะเราต้องทำงานอย่างละเอียดรอบครอบไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องกลับแล้วจะยุ่ง อย่างไรก็ตาม ขออย่าให้มีม็อบมากดดันเจ้าหน้าที่ ขอให้ปล่อยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานได้โดยอิสระ เพราะหากมีเอกสารสิทธิ์ครอบครองถูกต้องเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมและรับฟังอยู่แล้ว ส่วนเจ้าของรีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง ที่มาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่แล้วขณะนี้เท่าที่ทราบมีอยู่ประมาณ 2-3 ราย
กรณีที่ นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ ถูกคำสั่งย้ายด่วน และมีหลายฝ่ายมองว่าเป็นผลพวงมาจากการเข้ามารับผิดชอบดำเนินการกรณีกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง บุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว นั้น ดร.วิทูรย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ใช่ เพราะนายเริงชัย ตั้งใจทำงานเต็มที่อยู่แล้ว และท่านเป็นมือปราบเหมือนกันและการย้ายในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะใกล้ช่วงการโยกย้ายตามฤดูกาลและมีหลายคนใกล้เกษียณ ส่วนตนไม่หนักใจอะไรกับการดำเนินการคดีผู้บุกรุกป่าวังน้ำเขียว เพราะทำมาหลายที่แล้วและทำงานจับผู้บุกรุกป่ามามากกว่านี้ ซึ่งที่ อ.วังน้ำเขียว ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก
