ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผู้ว่าฯ โคราช เผยคดี 22 รีสอร์ตรุกป่าวังน้ำเขียว ยังไม่คืบ เหตุเจ้าของไม่ยอมแสดงตัว อยู่ระหว่างหาผู้กระทำผิดและรวบรวมพยานหลักฐาน ระบุป่าไม้เข้ารื้อถอนทุบทำลายรีสอร์ตรุกป่าได้ทันทีตามอำนาจ พ.ร.บ. ป่าสงวนฯ และศาลวินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว โดยไม่ต้องขออนุมัติและรอผลคดีอาญา ด้านป่าไม้โคราชระดม จนท.พร้อม ตร.เข้าชี้จุด และปักป้ายหน้า 22 รีสอร์ต 25 ส.ค.แจ้งเจ้าของถูกดำเนินคดีห้ามบุกรุกเพิ่ม หลังให้เวลา 15 วัน ไม่ยอมโผล่ชี้แจง ก่อนสั่งรื้อถอนภายใน 45 วัน
วันนี้ (23 ส.ค. ) นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีบ้านพักรีสอร์ต 22 แห่งบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปผลการสอบสวน ซึ่งเราจะร่วมหารือกับพนักงานสอบสวนทั้งหมดในเร็วๆ นี้ ก่อนว่าจะวางแนวทางการสืบสวนและสอบสวนคดีอย่างไร ตนต้องขอดูข้อเท็จจริงก่อน ส่วนการลงพื้นที่ตรวจสอบนั้นตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคงไม่ได้ลงพื้นที่ด้วย จะมีเพียงพนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาลงไปสอบสวน
ส่วนการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นั้น ตรงนี้เป็นกลไกในกระบวนการสอบสวนคดีอาญาอยู่แล้วที่ขณะนี้เราต้องหาผู้กระทำผิดก่อน แล้วมาดูว่าพยานหลักฐานที่จะเอาผิดมันมีมูลมากน้อยแค่ไหน ถือว่าเป็นกระบวนการปกติ ตนต้องเรียนว่าเรื่องของการสอบสวนคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็ดำเนินการไปว่า พนักงานสอบสวนจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง และใครเป็นผู้ต้องหา อันนี้ต้องว่ากันไป
ในส่วนของการดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการใช้อำนาจตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และ มาตรา 22 ของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504 เขาก็สามารถดำเนินการตามนั้นต่อไปได้โดยไม่ต้องรอผลคดีอาญา ฉะนั้น ประเด็นต่างๆ ต้องดำเนินการควบคู่กันไป คือ ในทางส่วนของตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็สอบสวนคดีอาญาไป ทางป่าไม้กับอุทยานฯ ก็บังคับใช้กฎหมายไปในฐานะที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่ง อันนี้มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดได้บอกไว้แล้วว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้กับกรมอุทยานฯ นั้นมีอำนาจที่จะไปรื้อถอนอะไรได้ โดยไม่ต้องรอผลคดีอาญา
กรณีทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) จะขออนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในการสั่งรื้อถอนรีสอร์ต 22 แห่ง บริเวณเขาแผงม้า และจะลงพื้นที่ชี้จุดกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 25 ส.ค.54 นี้ นั้น นายระพี กล่าวว่า ไม่ต้องขออนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอยู่แล้วเพราะชัดเจนอยู่แล้วมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยไว้ในกรณีนี้แล้วว่า สามารถที่จะเข้าไปทุบทำลายได้ โดยไม่ต้องรอว่า จับผู้ต้องหาได้หรือไม่ ส่งฟ้องได้ไหมหรือไม่ฟ้อง เขาไม่ต้องรอก็ทำได้เลย
สำหรับการสอบสวนคดีอาญาจะใช้เวลานานแค่ไหนตนคงยังตอบไม่ได้ เพราะขณะนี้ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษก็ยังไม่ได้ระบุตัวผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นหน้าที่จะพนักงานสอบสวนต้องไปหาตัวผู้กระทำผิดก่อนแล้วหาพยานหลักฐานด้วย ส่วนผู้ประกอบการ 22 ราย หรือ ผู้กระทำผิดยังไม่มีใครมาพบเราเลย ซึ่งตรงนี้เราจะต้องหาให้เจอว่าใครเป็นเจ้าของบ้าง เพราะการมาแจ้งความก็ไม่ได้ระบุว่า ใครเป็นผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องหาตัวมาลงโทษ
นายระพี กล่าวอีกว่า สำหรับการบรรเทาความเดือนร้อนประชาชนชาวบ้าน อ.วังน้ำเขียว โดยให้นำผลผลิตการเกษตรมาจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา นั้น ได้เริ่มขายเมื่อวันที่ 20-21 ส.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า ขายดีมาก มีรายได้ถึง 4 แสนบาท ถือว่าช่วยได้มาก ซึ่งเราจะจัดอย่างนี้ไปอีก 3 สัปดาห์ให้ครบ 1 เดือนก่อนแล้วจะดูว่าจะมีต่อหรือไม่ ถ้าขายต่อไปทางห้าง เขาก็ยินดีสนับสนุนทุกเสาร์-อาทิตย์ ไปเรื่อยๆ
ส่วนที่มีข่าวประชาชนใน อ.วังน้ำเขียว วิตกกังวลกันมาก จนเกิดความเครียดหลายรายนั้น เราคงต้องดูมูลเหตุของความเครียด ว่า ความเครียดเกิดจากความไม่เข้าใจก็ไปทำความเข้าใจกัน แต่ว่าทั้งหมดนี้การบังใช้กฎหมายมันต้องเดินหน้าต่อไป เพราะหลักของนิติรัฐมันต้องมี การเยียวยาการช่วยเหลือก็ทำควบคู่กันไป ตนอยากฝากพี่น้องชาว อ.วังน้ำเขียว ในฐานะเป็นผู้ว่าฯ ในขณะที่เราสนับสนุนการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่เราก็ห่วงใยประชาชนที่เขาบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่อาจได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างบ้าง จากการขายผลผลิตไม่ได้บ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ ที่จะต้องดูแลพี่น้องประชาชน
“ขอให้มั่นใจว่า เราพยายามทำทุกวิธีทางที่จะทำให้ผ่อนหนักเป็นเบา แต่ไม่ใช่ในแง่ของการลงโทษ แต่เป็นในแง่ของการที่ให้เขามีรายได้ สามารถยังชีพ เลี้ยงชีพอยู่ได้เหมือนเดิม ซึ่งต้องเราทำแน่นอน” นายระพี กล่าว
ทางด้าน นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) กรมป่าไม้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับผู้ประกอบการบ้านพักรีสอร์ต จำนวน 22 แห่ง ที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรีสอร์ตและบ้านพักทั้ง 22 แห่ง ซึ่งในวันที่ 25 ส.ค.นี้จะครบกำหนด 15 วัน ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของมาชี้แจงแสดงหลักฐานเอกสารสิทธิการครอบครอง
สำหรับการดำเนินคดีอาญา ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้เรียกให้ทางป่าไม้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม และนัดลงพื้นที่ไปชี้จุดที่ตั้งรีสอร์ต และบ้านพัก บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง ทั้ง 22 แห่ง ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น.โดยรวมตัวกันที่สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช อ.วังน้ำเขียว ก่อนลงพื้นที่พร้อมกัน ซึ่งทางกรมป่าไม้จะมีผู้ตรวจราชการเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจนำลงชี้จุด ส่วนฝ่ายสอบสวนคาดว่าน่าจะเป็นตำรวจในท้องที่
ทั้งนี้ ทางป่าไม้จะถือโอกาสนำเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการปักป้ายบริเวณหน้ารีสอร์ต และบ้านพักทั้ง 22 แห่ง พร้อมกันด้วย ซึ่งเป็นป้ายประกาศแจ้งให้ผู้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวทราบว่า ได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว และห้ามเข้ามาบุกรุกเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ให้ผู้ครอบครองไปแสดงตัวพร้อมหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จากนั้นจะดำเนินการขออนุมัติใช้อำนาจตาม มาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 จากนายอำเภอวังน้ำเขียว, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก่อนส่งเรื่องให้อธิบดีกรมป่าไม้ลงนาม หากได้รับอนุมัติ ก็จะดำเนินการติดป้ายประกาศป่าสงวนแห่งชาติ สั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ โดยให้เวลา 30 วัน และให้โอกาสผู้ครองครอบได้ยื่นอุทธรณ์อีก 15 วัน รวมเป็นเวลา 45 วัน หากยังนิ่งเฉยเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะเข้าดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเอง
“สาเหตุที่ไม่มีใครกล้าออกมาแสดงตัวคิดว่า ผู้ที่บุกรุกน่าจะรู้ตัวเองดีว่าได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และหากออกมาแสดงตัวก็จะถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง จึงไม่มีใครกล้าออกมาแสดงตัว แต่หากใครมีหลักฐานเราก็พร้อมรับฟังการชี้แจงซึ่งสามารถมาพบพนักงานสอบสวนได้ทันที” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการกับบ้านพักรีสอร์ตอีก 17 แห่งรายใหม่ ที่เข้าข่ายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับรีสอร์ต 22 แห่งชุดแรก นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ข้างเคียงกันกับ 22 แห่งแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่เกรงจะถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ ฉะนั้นอยู่ในพื้นที่เดียวกันต้องดำเนินการลักษณะเดียวกัน เมื่อดำเนินการกับรีสอร์ต 22 แห่งชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ก็จะแจ้งความดำเนินคดีกับ 17 รายทันที ในลักษณะเดียวกับ 22 แห่งในล็อตแรก
“ท่านอธิบดีกรมป่าไม้ได้กำชับให้ตั้งใจทำงานและเดินหน้าต่อไป ถ้าเหนื่อยหรือไม่อยากทำ หรือสู้ไม่ไหว ก็ให้ยื่นเรื่องขอย้าย พร้อมที่จะย้ายให้ทันที เพื่อให้คนอื่นเข้ามาดำเนินการแทน ซึ่งที่ผ่านมาระดับหัวหน้าหน่วย ถูกร้องเรียนจากคนที่เสียผลประโยชน์ให้ย้ายออกนอกพื้นที่ แต่ผมขออธิบดีไว้เพราะเห็นว่าหัวหน้าหน่วยคนดังกล่าวเป็นบุคคลที่ตั้งใจทำงาน เอาจริงในการปราบปรามกลุ่มผู้บุกรุกป่า” นายสุเทพ กล่าว