ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ตรวจฯกรมป่าไม้นำกำลัง จนท.ชุดเฉพาะกิจฯ ลุยปักป้ายแจ้งการตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี 22 รีสอร์ต“เขาแผงม้า”บุกรุกป่าสงวนฯ“วังน้ำเขียว”ก่อนสั่งรื้อภายใน 45 วันตามกฎหมาย เผยมีเจ้าของรีสอร์ตมาแสดงตัว 3 ราย ชี้คดีอืดเหตุต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและระมัดระวังป้องกันถูกฟ้องกลับ พร้อมเตรียมแจ้งจับรีสอร์ตรุกป่าอีก 17 รายใหม่ ชี้รองอธิบดีฯ ถูกเด้งฟ้าผ่าไม่เกี่ยวเชือดนายทุนผู้มีอิทธิพลรุกป่าวังน้ำเขียว ถึงคิวยึด“เขาค้อ”คืน ป่าไม้-สำนักอนุรักษ์ 11-พล.ม.1-จทบ.เพชรบูรณ์ เริ่มออกสตาร์ทจัดระเบียบการใช้พื้นที่ บุกจับบ้านพัก-รีสอร์ตหรู พบเป็นของ ขรก.ชั้นผู้ใหญ่เมืองมะขามหวาน-นายตำรวจระดับ ผกก. แถมมีโทรศัพท์สายตรงถึง จนท.ขอประกันตัวคนงานทันควัน
วาน(25 ส.ค.)เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยสะแกราช บ้านห้วยน้ำเค็ม ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดร.วิทูรย์ ชลายนนาวิน ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อสืบสวนดำเนินคดีการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ จ.นครราชสีมาและพื้นที่ต่อเนื่องได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการกับรีสอร์ตบ้านพัก 22 แห่งที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว หลังกรมป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดี ไปก่อนหน้านี้ โดยมีนายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) นายไพโรจน์ ชุ่มเพ็งพันธ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 4 นคราชสีมา (เขาภูหลวง ) และคณะทำงานในพื้นที่ เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลและหารือแนวทางดำเนินการต่อไป ใช้เวลาในการหารือกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้น ดร.วิทูรย์ และนายสุเทพ ได้นำนายไพโรจน์ ซึ่งเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าของรีสอร์ตที่พักทั้ง 22 แห่งเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ที่ สภ.วังน้ำเขียว โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์ระหว่างการให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งข้อสรุปว่าทางกรมป่าไม้จะมอบให้นายไพโรจน์ นำพนักงานสอบสวนไปชี้จุดที่ตั้งรีสอร์ตบ้านพักทั้ง 22 แห่งที่ได้แจ้งความเอาผิดไว้ เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนนำไปประกอบข้อมูลการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยได้ตกลงร่วมกันว่าจะไม่นำกำลังไปเป็นจำนวนมากเนื่องจากเกรงว่าจะถูกต่อต้านจากกลุ่มนายทุนเจ้าของรีสอร์ตบ้านพัก และมวลชน ในพื้นที่
ขณะที่ชุดของ ดร.วิทูรย์ และนายสุเทพ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในสังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 กว่า 50 นายได้กลับมาประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยสะแกราชตามเดิมเพื่อวางแผนในการจัดชุดเฉพาะกิจฯ เข้าดำเนินการนำป้ายประกาศแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีไปติดไว้บริเวณด้านหน้ารีสอร์ต บ้านพักทั้ง 22 แห่งเพื่อประกาศให้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว และห้ามเข้ามาบุกรุกเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 12.30 น.ชุดเฉพาะกิจฯได้ช่วยกันนำแผ่นป้ายแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีจำนวน 22 ป้ายมาขึงยึดติดกับหลักไม้ก่อนออกเดินทางไปปักป้ายตามจุดที่วางไว้ โดยมี ดร.วิทูรย์ เป็นผู้อำนวยการสั่งการติดป้ายด้วยตัวเอง
สำหรับจุดแรกที่ชุดเฉพาะกิจฯนำป้ายประกาศดังกล่าวไปติดตั้งคือรีสอร์ต “บ้านระเบียงดาว” ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว มีเนื้อที่ 12 ไร่ 21 ตารางวา คดีที่ 747/2554 มีนายฤทธิ์ เผือกขุนทด เป็นผู้ครอบครอง
จุดที่ 2 เป็นรีอสร์ตบ้านหลังคาสีม่วงทรงเหลี่ยมตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว ห่างจากรีสอร์ตจุดแรกไปประมาณ 1 กม.มีเนื้อที่ 13 ไร่ 1 งาน 57 ตารางวา คดีที่ 748/2554 โดยมีนายเฉลียว ไม่ทราบนามสกุล ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของกับเจ้าหน้าที่และแจ้งว่ามีเอกสารครอบครองเป็นใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5)และอยู่ในพื้นที่มานานตั้งแต่สมัยบิดา ทางคณะ ดร.วิทูรย์ ได้แจ้งให้เตรียมเอกสารต่างๆ ไว้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ก่อนขอติดป้ายด้านหน้ารีสอร์ตตามหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทยอยตระเวนติดป้ายประกาศแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี ดังกล่าวให้ครบทั้ง 22 แห่ง ภายในสัปดาห์นี้
ดร.วิทูรย์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินคดีว่า ตอนนี้การรวบรวมพยานหลักฐานยังมีน้อยมาก เพราะเพียงแค่ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ยังไม่พอ ยังต้องมีการดำเนินคดีตามมาตรา 9 และมาตรา 54, 55 ของ พ.ร.บ.ป่าไม้ และต้องแจ้งผู้บุกรุกว่า ตรงนี้เป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นพื้นที่โซนซี ซึ่งเป็นโซนอนุรักษ์ที่ใครจะเอาไปทำอะไรไม่ได้ และจะผ่อนผันหรือให้เช่าก็ไม่ได้เช่นกัน
สำหรับปัญหาอุปสรรคตอนนี้ยังไม่มี แต่การทำงานอาจล่าช้าบ้างเพราะเราต้องทำงานอย่างละเอียดรอบครอบไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องกลับแล้วจะยุ่ง อย่างไรก็ตามขออย่าให้มีม็อบมากดดันเจ้าหน้าที่ ขอให้ปล่อยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานได้โดยอิสระ เพราะหากมีเอกสารสิทธิ์ครอบครองถูกต้องเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมและรับฟังอยู่แล้ว ส่วนเจ้าของรีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง ที่มาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่แล้วขณะนี้เท่าที่ทราบมีอยู่ประมาณ 2-3 ราย
กรณีที่นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ ถูกคำสั่งย้ายด่วนและมีหลายฝ่ายมองว่าเป็นผลพวงมาจากการเข้ามารับผิดชอบดำเนินการกรณีกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง บุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียวนั้น ดร.วิทูรย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ใช่ เพราะนายเริงชัย ตั้งใจทำงานเต็มที่อยู่แล้วและท่านเป็นมือปราบเหมือนกันและการย้ายในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะใกล้ช่วงการโยกย้ายตามฤดูกาลและมีหลายคนใกล้เกษียณ ส่วนตนไม่หนักใจอะไรกับการดำเนินการคดีผู้บุกรุกป่าวังน้ำเขียว เพราะทำมาหลายที่แล้วและทำงานจับผู้บุกรุกป่ามามากกว่านี้ ซึ่งที่ อ.วังน้ำเขียว ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก
**ถึงคิวยึดคืนป่าไม้"เขาค้อ" สตาร์ทจับบ้านพัก-รีสอร์ตหรู**
วันเดียวกันเวลา 11.30 น.ที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และทหารทัพภาค 3 ได้เริ่มต้นปฏิบัติการตามคำสั่งของนายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ บุกจับรีสอร์ตในเขตป่าสงวน โดยนายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (นครสวรรค์) นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับนายเสริมยศ เสริมมั่น ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 กรมอุทยานฯ-ทหารจาก จทบ.เพชรบูรณ์ และกองพลทหารม้าที่1 เพชรบูรณ์ประมาณ 50 นาย บุกจับคนงานกำลังกำลังก่อสร้างรีสอร์ตในเขตป่าสงวน และไม่ใช่พื้นที่ทหาร (ทภ.3) ขอใช้กรมป่าไม้ (สมัยปราบคอมมิวนิสต์-ยุทธการเขาค้อ)
นายจำเนียร หนูแย้ม ผอ.ส่วนป้องกันสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 เปิดเผยว่า วันนี้ได้จับกุมผู้บุกรุกก่อสร้างรีสอร์ตในป่าสงวน ตามคำสั่งของอธิบดีกรมป่าไม้ โดยจุดแรกที่เข้ายึดคือ บ้านพักอาศัย จับผู้ต้องหาคนงานก่อสร้างจำนวน 10 ราย ที่บริเวณหมู่ 4 ต.ริมสีม่วง อ.เขาค้อ ตอนนี้กำลังทำบันทึกจับกุมคดี และจุดที่ 2 บริเวณหมู่ 2 ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ เป็นจุดก่อสร้างที่พักจำนวน 12 แปลง โดยก่อสร้างบ้านพักลักษณะรีสอร์ตเป็นหย่อมๆ 3-4 หลัง กำลังรอการทำบันทึกคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ถูกจับกุมในแปลงแรกเป็นของกลุ่มข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ล่าสุดระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้กำลังทำบันทึกคดี ได้มีโทรศัพท์เข้ามาขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดทันที
ส่วนจุดที่ 2 เจ้าของที่ดินรีสอร์ต ต.สะเดาะพง คาดว่าเป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับ ไม่แน่ชัดว่า สังกัดที่ อ.ชนแดน หรืออำเภอหนึ่งอำเภอใดในจังหวัดพิจิตร
นายเสริมยศ เสริมมั่น ผอ.อนุรักษ์ 11 กล่าวว่า พื้นที่อำเภอเขาค้อ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ ที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่ระยะตลอดเส้นทาง 25 กิโลเมตรริมถนน มี 1 แสนไร่เศษ จัดสรรให้ราษฎรอาสา (รอส.) 5 หมื่นกว่าไร่ แต่มีพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุก 300 ราย ถือว่าเป็นพื้นที่นอกเหนือจากจัดสรรให้ รอส.สิ่งที่ต้องทำคือ กองทัพต้องชี้ชัดว่าจัดสรรแล้วมีจำนวนเท่าไหร่ นอกนั้นถือเป็นพื้นที่บุกรุกทั้งหมดจะต้องดำเนินคดีต่อไป ส่วนที่กองทัพภาค 3 ดำเนินคดีและยกฟ้องก็ว่ากันไป แต่พื้นที่จะต้องถูกยึดคืน
“ปฏิบัติการครั้งนี้กรมป่าไม้ สำนักจัดการป่าไม้ 4 นครสวรรค์ เป็นผู้ดำเนินการ จะต้องจับกุมให้เสร็จสิ้น ยอมรับงานนี้ถือว่าหนัก และวันนี้เป็นจุดแรกและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต้องจัดระเบียบในเขตเขาค้อให้ได้”
วาน(25 ส.ค.)เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยสะแกราช บ้านห้วยน้ำเค็ม ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดร.วิทูรย์ ชลายนนาวิน ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อสืบสวนดำเนินคดีการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ จ.นครราชสีมาและพื้นที่ต่อเนื่องได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการกับรีสอร์ตบ้านพัก 22 แห่งที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว หลังกรมป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดี ไปก่อนหน้านี้ โดยมีนายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) นายไพโรจน์ ชุ่มเพ็งพันธ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ 4 นคราชสีมา (เขาภูหลวง ) และคณะทำงานในพื้นที่ เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลและหารือแนวทางดำเนินการต่อไป ใช้เวลาในการหารือกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้น ดร.วิทูรย์ และนายสุเทพ ได้นำนายไพโรจน์ ซึ่งเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าของรีสอร์ตที่พักทั้ง 22 แห่งเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ที่ สภ.วังน้ำเขียว โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์ระหว่างการให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งข้อสรุปว่าทางกรมป่าไม้จะมอบให้นายไพโรจน์ นำพนักงานสอบสวนไปชี้จุดที่ตั้งรีสอร์ตบ้านพักทั้ง 22 แห่งที่ได้แจ้งความเอาผิดไว้ เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนนำไปประกอบข้อมูลการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยได้ตกลงร่วมกันว่าจะไม่นำกำลังไปเป็นจำนวนมากเนื่องจากเกรงว่าจะถูกต่อต้านจากกลุ่มนายทุนเจ้าของรีสอร์ตบ้านพัก และมวลชน ในพื้นที่
ขณะที่ชุดของ ดร.วิทูรย์ และนายสุเทพ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในสังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 กว่า 50 นายได้กลับมาประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งที่ศูนย์วนวัฒนวิจัยสะแกราชตามเดิมเพื่อวางแผนในการจัดชุดเฉพาะกิจฯ เข้าดำเนินการนำป้ายประกาศแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีไปติดไว้บริเวณด้านหน้ารีสอร์ต บ้านพักทั้ง 22 แห่งเพื่อประกาศให้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้ว และห้ามเข้ามาบุกรุกเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 12.30 น.ชุดเฉพาะกิจฯได้ช่วยกันนำแผ่นป้ายแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดีจำนวน 22 ป้ายมาขึงยึดติดกับหลักไม้ก่อนออกเดินทางไปปักป้ายตามจุดที่วางไว้ โดยมี ดร.วิทูรย์ เป็นผู้อำนวยการสั่งการติดป้ายด้วยตัวเอง
สำหรับจุดแรกที่ชุดเฉพาะกิจฯนำป้ายประกาศดังกล่าวไปติดตั้งคือรีสอร์ต “บ้านระเบียงดาว” ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว มีเนื้อที่ 12 ไร่ 21 ตารางวา คดีที่ 747/2554 มีนายฤทธิ์ เผือกขุนทด เป็นผู้ครอบครอง
จุดที่ 2 เป็นรีอสร์ตบ้านหลังคาสีม่วงทรงเหลี่ยมตั้งอยู่ในพื้นที่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว ห่างจากรีสอร์ตจุดแรกไปประมาณ 1 กม.มีเนื้อที่ 13 ไร่ 1 งาน 57 ตารางวา คดีที่ 748/2554 โดยมีนายเฉลียว ไม่ทราบนามสกุล ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของกับเจ้าหน้าที่และแจ้งว่ามีเอกสารครอบครองเป็นใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5)และอยู่ในพื้นที่มานานตั้งแต่สมัยบิดา ทางคณะ ดร.วิทูรย์ ได้แจ้งให้เตรียมเอกสารต่างๆ ไว้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ก่อนขอติดป้ายด้านหน้ารีสอร์ตตามหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทยอยตระเวนติดป้ายประกาศแจ้งการถูกตรวจยึดจับกุมดำเนินคดี ดังกล่าวให้ครบทั้ง 22 แห่ง ภายในสัปดาห์นี้
ดร.วิทูรย์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินคดีว่า ตอนนี้การรวบรวมพยานหลักฐานยังมีน้อยมาก เพราะเพียงแค่ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ ยังไม่พอ ยังต้องมีการดำเนินคดีตามมาตรา 9 และมาตรา 54, 55 ของ พ.ร.บ.ป่าไม้ และต้องแจ้งผู้บุกรุกว่า ตรงนี้เป็นพื้นที่หวงห้าม เป็นพื้นที่โซนซี ซึ่งเป็นโซนอนุรักษ์ที่ใครจะเอาไปทำอะไรไม่ได้ และจะผ่อนผันหรือให้เช่าก็ไม่ได้เช่นกัน
สำหรับปัญหาอุปสรรคตอนนี้ยังไม่มี แต่การทำงานอาจล่าช้าบ้างเพราะเราต้องทำงานอย่างละเอียดรอบครอบไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องกลับแล้วจะยุ่ง อย่างไรก็ตามขออย่าให้มีม็อบมากดดันเจ้าหน้าที่ ขอให้ปล่อยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานได้โดยอิสระ เพราะหากมีเอกสารสิทธิ์ครอบครองถูกต้องเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมและรับฟังอยู่แล้ว ส่วนเจ้าของรีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง ที่มาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่แล้วขณะนี้เท่าที่ทราบมีอยู่ประมาณ 2-3 ราย
กรณีที่นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ ถูกคำสั่งย้ายด่วนและมีหลายฝ่ายมองว่าเป็นผลพวงมาจากการเข้ามารับผิดชอบดำเนินการกรณีกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง บุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียวนั้น ดร.วิทูรย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ใช่ เพราะนายเริงชัย ตั้งใจทำงานเต็มที่อยู่แล้วและท่านเป็นมือปราบเหมือนกันและการย้ายในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะใกล้ช่วงการโยกย้ายตามฤดูกาลและมีหลายคนใกล้เกษียณ ส่วนตนไม่หนักใจอะไรกับการดำเนินการคดีผู้บุกรุกป่าวังน้ำเขียว เพราะทำมาหลายที่แล้วและทำงานจับผู้บุกรุกป่ามามากกว่านี้ ซึ่งที่ อ.วังน้ำเขียว ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก
**ถึงคิวยึดคืนป่าไม้"เขาค้อ" สตาร์ทจับบ้านพัก-รีสอร์ตหรู**
วันเดียวกันเวลา 11.30 น.ที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และทหารทัพภาค 3 ได้เริ่มต้นปฏิบัติการตามคำสั่งของนายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ บุกจับรีสอร์ตในเขตป่าสงวน โดยนายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (นครสวรรค์) นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับนายเสริมยศ เสริมมั่น ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 กรมอุทยานฯ-ทหารจาก จทบ.เพชรบูรณ์ และกองพลทหารม้าที่1 เพชรบูรณ์ประมาณ 50 นาย บุกจับคนงานกำลังกำลังก่อสร้างรีสอร์ตในเขตป่าสงวน และไม่ใช่พื้นที่ทหาร (ทภ.3) ขอใช้กรมป่าไม้ (สมัยปราบคอมมิวนิสต์-ยุทธการเขาค้อ)
นายจำเนียร หนูแย้ม ผอ.ส่วนป้องกันสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 เปิดเผยว่า วันนี้ได้จับกุมผู้บุกรุกก่อสร้างรีสอร์ตในป่าสงวน ตามคำสั่งของอธิบดีกรมป่าไม้ โดยจุดแรกที่เข้ายึดคือ บ้านพักอาศัย จับผู้ต้องหาคนงานก่อสร้างจำนวน 10 ราย ที่บริเวณหมู่ 4 ต.ริมสีม่วง อ.เขาค้อ ตอนนี้กำลังทำบันทึกจับกุมคดี และจุดที่ 2 บริเวณหมู่ 2 ต.สะเดาะพง อ.เขาค้อ เป็นจุดก่อสร้างที่พักจำนวน 12 แปลง โดยก่อสร้างบ้านพักลักษณะรีสอร์ตเป็นหย่อมๆ 3-4 หลัง กำลังรอการทำบันทึกคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ถูกจับกุมในแปลงแรกเป็นของกลุ่มข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ล่าสุดระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้กำลังทำบันทึกคดี ได้มีโทรศัพท์เข้ามาขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดทันที
ส่วนจุดที่ 2 เจ้าของที่ดินรีสอร์ต ต.สะเดาะพง คาดว่าเป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับ ไม่แน่ชัดว่า สังกัดที่ อ.ชนแดน หรืออำเภอหนึ่งอำเภอใดในจังหวัดพิจิตร
นายเสริมยศ เสริมมั่น ผอ.อนุรักษ์ 11 กล่าวว่า พื้นที่อำเภอเขาค้อ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ ที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่ระยะตลอดเส้นทาง 25 กิโลเมตรริมถนน มี 1 แสนไร่เศษ จัดสรรให้ราษฎรอาสา (รอส.) 5 หมื่นกว่าไร่ แต่มีพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุก 300 ราย ถือว่าเป็นพื้นที่นอกเหนือจากจัดสรรให้ รอส.สิ่งที่ต้องทำคือ กองทัพต้องชี้ชัดว่าจัดสรรแล้วมีจำนวนเท่าไหร่ นอกนั้นถือเป็นพื้นที่บุกรุกทั้งหมดจะต้องดำเนินคดีต่อไป ส่วนที่กองทัพภาค 3 ดำเนินคดีและยกฟ้องก็ว่ากันไป แต่พื้นที่จะต้องถูกยึดคืน
“ปฏิบัติการครั้งนี้กรมป่าไม้ สำนักจัดการป่าไม้ 4 นครสวรรค์ เป็นผู้ดำเนินการ จะต้องจับกุมให้เสร็จสิ้น ยอมรับงานนี้ถือว่าหนัก และวันนี้เป็นจุดแรกและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต้องจัดระเบียบในเขตเขาค้อให้ได้”
