นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่บุกตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังถูกผู้มีอิทธิพลบุกรุก โดยมีข้าราชการระดับสูงหนุนหลังออกหนังสือเอกสารปลอมอ้างเป็นเจ้าของที่ ได้ของกลางไม้แปรรูป รวมทั้งไม้ซุงมหาศาล สอบพบผู้อิทธิพลในพื้นที่ข่มขู่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจนไม่มีใครกล้าร้องเรียน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา นายณัฐพล รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนาที่อนุรักษ์ และหัวหน้าโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าพื้นที่ อ.ทุ่งสง และ อ.บางขัน กำลัง ตชด.42 ค่ายศรีนคริทนรา อ.ทุ่งสง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง, เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง สนธิกำลังรวม 50 นายเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ต้นน้ำในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากรุงหยัน ม.1 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หลังจากชาวบ้านร้องเรียนกันมาแล้วหลายครั้งว่า มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้าทำการบุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าว ซึ่งเป็นป่าโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ โดยลักลอบมานานแล้ว
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบริเวณพื้นที่ดังกล่าวพบว่ามีร่องรอยแผ้วถางเป็นบริเวณกว้าง พบไม้แปรรูปจำนวนกว่า 150 แผ่น และยังมีไม้ซุงขนาดต่างๆ อีกจำนวนนับ 1,000 ท่อน ที่ถูกตัดโค่นเตรียมแปรรูป นอกจากนั้นยังพบเครื่องเลื่อยยนต์ 1 เครื่อง, เครื่องเลื่อยวงเดือน 1 เครื่องที่ดัดแปลงจากรถยนต์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ และอุปกรณ์แปรรูปไม้อีกจำนวนมาก
โดยในบริเวณดังกล่าวยังมีการปิดป้ายรูปที่ดิน ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่า “ประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เรื่องการเปิดหน้าดิน และตัดโค่นแปรรูปไม้ในที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 1333 หมู่ 1 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เลขที่ 1 หมายเลข48851 แผนที่ 49 เนื้อที่ 54 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา สามารถตัดไม้แปรรูปและนำไม้เคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ตามหนังสือคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ สร.0203/14622 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2519 นางจารุเพชร เดชะ เจ้าของที่ดิน”
นายณัฐพล รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนาที่อนุรักษ์ และหัวหน้าโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช ได้กล่าวภายหลังว่า ตนเองได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่มานานแล้วว่า ในเนื้อที่จำนวนดังกล่าวนั้นมีกลุ่มอิทธิพลเข้าไปทำการบุกรุกแผ้วถางและแปรรูปไม้อย่างเป็นขบวนการ ซึ่งเมื่อมีคนในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบก็ได้ข่มขู่และเมื่อมีการเข้าไปตรวจสอบก็ได้นำเอกสารต่างๆ มายืนยัน ซึ่งการเข้าไปดำเนินกรในพื้นที่ดังกล่าวนี้พบว่ามีข้าราชการระดับสูงในพื้นที่สนับสนุน ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลกล้าที่จะเข้าไปบุกรุกทำลายป่าและแปรรูปไม้อย่างไม่เหรงกลัวกฎหมาย
โดยการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ไม่เข้าใจว่ามีการปล่อยให้เข้าไปบุกรุกทำลายได้อย่างไร ซึ่งเชื่อว่าเอกสารต่างๆ ที่นำมายืนยันนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเอกสารที่ถูกต้อง อาจจะมีการปลอมแปลงมาก็ได้ เพราะมีการขีดฆ่าหลายแห่ง
ในการเข้าไปตรวจสอบพบว่าคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้หลบหนีไปหมด แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ 2 คน คือ นายวิโรจน์ สบู่ม่วง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.2 ต.เพลา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และนายมานพ ด้วงศรีนวล อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.8 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง จากการสอบถามทั้งสองได้ให้การเพียงว่าเป็นผู้รับจ้างเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้เพื่อเป็นพยานในการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในการตรวจยึดของกลางทั้งหมด โดยจนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเนื้อที่ดังกล่าวได้เพียง 25 ไร่ ส่วนที่เหลือก็จะเร่งเข้าทำการตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปจะทำการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวว่ามีการออกมาได้อย่างไร เพราะเมื่อตรวจสอบแล้วมันไม่น่าจะใช่ เพราะพื้นที่ดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าการออกเอกสารต่างๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมายแน่นอน