ศูนย์ข่าวนครราชสีมา
ห้วงเวลานี้ กลุ่มคนเสื้อแดงบุรีรัมย์ ถิ่น “ชิดชอบบุรี” ฮึกเหิมแสดงความยินดีผูกแขนรับขวัญ 2 ว่าที่ ส.ส. เผาไทย บุรีรัมย์ ทั้ง “นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน” และ “นายหนูแดง วรรณกางซ้าย” กันอย่างชื่นมื่น หลังล้มช้าง “เด็กยี้ห้อย” ได้สำเร็จในเขตเลือกตั้งที่ 6 และ เขตเลือกตั้งที่ 7
ขณะที่ “เนวิน ชิดชอบ” เรียกบรรดาผู้สมัคร ส.ส. และแกนนำพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เข้าถกเครียดในบ้านพักที่บุรีรัมย์แทบจะทันทีหลังรู้ผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ นั่นคือกวาดที่นั่ง ส.ส. ยกจังหวัดทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง ซึ่งส่งผลรวมไปถึงจำนวน ส.ส. ทั้งประเทศต้องหลุดลุ่ยจากเป้าหมาย 70 คน ได้แค่ 34 ที่นั่ง เท่านั้น
มีรายงานว่า วันรุ่งขึ้นหลังเลือกตั้ง 3 ก.ค. “นายเนวิน ชิดชอบ” ได้เรียกแกนนำพรรค และ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ ทั้ง 9 เขต มาหารือและถกเถียงถึงสาเหตุความพ่ายแพ้ครั้งนี้อย่างเคร่งเครียดกันตลอดทั้งวัน เพราะศึกครั้งนี้ไม่ได้พลาดท่าให้กับพรรคเพื่อไทยเฉพาะการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ใน 2 เขตเลือกตั้งดังกล่าว ถึงถิ่นฐานที่มั่นใหญ่ เท่านั้น
แต่ที่สำคัญคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ จ.บุรีรัมย์ ยังพ่ายให้กับพรรคเพื่อไทย (พท.) กวาดคะแนนไป 329,520 คะแนน ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตามมาเป็นอันดับ 2 ได้ 226,500 คะแนน ห่างกันถึง 103,020 คะแนน โดยทั้ง 9 เขตคะแนนบัญชีรายชื่อ “ภูมิใจห้อย” ชนะ “เผาไทย”เพียง 2 เขต นอกนั้นแพ้เรียบ ซึ่ง “นายโสภณ ซารัมย์” รองหัวหน้าพรรคฯ ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ว่า กระแสพรรคภูมิใจไทย สู้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ แม้ภูมิใจไทยจะพยายามชูความเป็นพรรคของคนบุรีรัมย์ก็ตาม
ทางด้านบรรดาคอการเมืองบุรีรัมย์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ผลการเลือกตั้งล้มช้าง 2 เขตกันกระฮึ่มเมือง ว่า ถือเป็นการเอาชนะ “เนวิน ” อย่างท่วมท้นของพรรคเพื่อไทย จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายขอให้ล้มช้างได้สักหนึ่งที่นั่ง ส.ส. ก็ถือว่าเป็นชัยชนะเหนือ “คนเนรคุณ” มากพอแล้ว
สาเหตุความพ่ายแพ้ถึง 2 เขต ถูกมุ่งไปที่เกิดจากความประมาทชะล่าใจของ “เนวิน” และกลุ่มแกนนำพรรคฯ ที่มั่นใจในฐานเสียงและระบบจัดตั้งของกลุ่มตนเอง จึงเน้นออกเดินสายไปปราศรัยช่วยหาเสียงผู้สมัครจังหวัดอื่นๆ ขณะที่พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ฐานที่มั่นใหญ่ ไม่มีการจัดปราศรัยใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว เพียงออกพบปะหาเสียงกับชาวบ้านและปราศรัยกลุ่มย่อยในเขตเท่านั้น เสมือนเป็นการดูถูกคนบุรีรัมย์
ทำให้คู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย อาศัยช่วงโค้งสุดท้าย นำ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เดินสายบุกถิ่น “เนวิน” ระดมพลเปิดปราศรัยใหญ่เรียกคะแนนเสียงคนบุรีรัมย์ รวดถึง 3 เขตเลือกตั้ง บวกกับ “นช.แม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอิน เข้ามาเวที“นปช.”บุรีรัมย์ อ้อนขอคะแนนคนเสื้อแดงทิ้งทวน ส่งท้ายให้ผู้สมัครเพื่อไทย ฝ่าด่านหิน “เนวิน” เข้ามาได้ถึง 2 คน
นอกจากนี้เมื่อมาวิเคราะห์ที่ตัวผู้สมัครทั้ง 2 เขตล้มช้าง แล้วถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน การฝ่าด่านเข้ามาได้ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวสมัครเองที่ไม่ได้รอขี่กระแสพรรคอยู่ท่าเดียว
โดยเฉพาะ เขตเลือกตั้งที่ 6 “นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน” ว่าที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทย นั้นคราวที่แล้วลงสมัครพรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกตั้งแต่ถูกกกต.แจกใบแดง “เนวิน” จึงปลอบใจให้นั่ง “รองนายก อบจ.บุรีรัมย์” และทุ่มเทมุ่งมั่นสร้างฐานการเมืองในพื้นที่ภักดีอยู่กับ “กลุ่มเนวิน” มาโดยตลอด แต่กลับถูกหักลำไม่ได้รับเลือกลงสมัคร ส.ส. พรรคภท. ครั้งนี้ จึงต้องตีจากไปซบ “เพื่อไทย” แทน
“พรชัย ศรีสุริยันโยธิน” พรรค พท. มีจุดแข็งเป็นนักการเมืองเจ้าของพื้นที่ ขยันลงพบปะประชาชน และมีฐานเสียงแน่นในเขตอำเภอรอบนอกทั้งหมด แถมยังได้ “นายโสภณ เพชรสว่าง” หนุนช่วยสุดแรง ขณะคู่แข่ง ผู้สมัครพรรค ภท. “นายไตรเทพ งามกมล” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนางรอง คนที่ถูก “เนวิน” เลือกลงสมัครด้วยสัญญาใจแห่งผลประโยชน์ มีฐานเสียงแน่นใน อ.นางรอง ซึ่งเป็นอำเภอใหญ่ ที่“ตระกูลพ่อตา” ผูกขาดการเมืองท้องถิ่นเมืองนางรองมายาวนาน แถมมีพี่ชาย “นายอภิชาต งามกมล” เป็น “รองผู้ว่าฯบุรีรัมย์” รับผิดชอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรง
แต่จุดเปลี่ยนอยู่ที่เขตอำเภอรอบนอก เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้จัก “ไตรเทพ งามกมล” ผู้สมัคร ภท. ซ้ำร้ายในพื้นที่ฐานคะแนนใหญ่ ถูกโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองนองรอง กว่า 1,000 ล้านบาทที่ร่วมกับ “กลุ่มเนวิน” ผลักดันอื้อฉาวช่วงเป็น “นายกฯ เล็ก” พ่นพิษ กลุ่มพ่อค้าประชาชนเขตเมืองนางรองที่ต่อต้านโครงการ หันไปเทคะแนนให้กับฝ่ายตรงข้าม ทำให้ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน พรรค พท. พลิกเอาชนะไปได้อย่างเจ็บปวด ด้วยคะแนน 41,777 ต่อ 39,815 คะแนน
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 7 เป็นอีกบทเรียนราคาแพง “กลุ่มเนวิน” ประมาทคลื่นใต้น้ำคนเสื้อแดงในพื้นที่นี้ และมั่นใจว่าไม่มีใครหน้าไหนมาโค่น “นายประกิจ พลเดช” ผู้สมัคร พรรคภท.อดีต ส.ส.หลายสมัยฐานเสียงแน่นปึ๊กทุกพื้นที่ได้ จึงทุ่มเทสรรพกำลังและคลังกระสุนไปช่วยเขตข้างเคียงที่ แข่งขันรุนแรงกว่าแทน โดยไม่ให้น้ำหนักกับคู่แข่งอย่าง “ดร.หนูแดง วรรณกางซ้าย” ผู้สมัคร พรรคพท. ซึ่งมีฐานคะแนนในกลุ่มครูและมวลชนคนเสื้อแดง พร้อมด้วย “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” ลงลุยทุ่มช่วยเต็มสรรพกำลัง โดยเฉพาะการแก้ลำการถูกฝ่ายตรงข้ามบล็อก ปิดล้อม “ตัวจ่าย” จนสามารถยิงกระสุนปูพรมได้ในหลายพื้นที่ โกยแต้มเข้ามาเป็นอันดับ 1 จำนวน 46,728 คะแนน เอาชนะ “ประกิจ พลเดช” พรรค ภท. ที่ได้ 32,340 คะแนน ทิ้งห่างกันกว่า 1 หมื่นคะแนน
เป็นที่หวั่นเกรงกันว่า ศึกเลือกตั้ง ส.ส. “ชิดชอบบุรี” คงไม่จบลงแค่นี้ เพราะไม่มีเพียงกรณี กกต.จ่อแจก “ใบแดง” ผู้สมัครเขต 5 ที่มีหลักฐานคลิปวิดีโอแจกเงินมัดแน่นหนาเท่านั้น แต่บรรดาหัวคะแนนและเหล่าว่าที่ ส.ส. โดยเฉพาะใน 2 เขตล้มช้าง ต่างหวาดผวากับปฏิบัติการตามไล่เช็คบิลของกลุ่มผู้มากบารมีแห่ง จ.บุรีรัมย์ ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา !